สตง. 15 มี.ค. – นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า หลังจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับสำนักงานกฤษฎีกา อัยการสูงสุด กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สตง. เห็นชอบร่วมกันว่าการออกหมายเรียกเก็บภาษีนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร ในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่ากรมสรรพากรไม่ได้ออกหมายเรียกโดยตรงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเสมือนว่าเป็นหมายเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นตัวการในการซื้อขายหุ้น เนื่องจากศาลตัดสินแล้วว่าบุตรทั้ง 2 เป็นเพียงตัวกลาง ผู้รับประโยชน์จากการขายหุ้น คือนายทักษิณ ยืนยันว่าไม่ได้ใช้แท็คติคทางกฎหมายแต่อย่างใด แต่เป็นช่องทางของกฎหมายสามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้
ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปจึงเริ่มใช้มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากรในการตั้งคณะกรรมการประเมินภาษีเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นของนายทักษิณ ทำให้การนับอายุความการเรียกเก็บเวลา 10 ปี สิ้นสุดลง และขั้นตอนการประเมินเรียกเก็บภาษีใช้เวลาเพียง 2-3 วัน จึงคาดว่าดำเนินการได้ทันสิ้นเดือนมีนาคมนี้ โดย สตง.พร้อมร่วมเป็นเจ้าหน้าที่ประเมินภาษีหากสรรพากรไม่พร้อมดำเนินการ เมื่อประเมินภาษีแล้วสามารถนำเอกสารปิดหน้าบ้านตามภูมิลำเนา แม้นายทักษิณ ไม่อาศัยอยู่สามารถตั้งทนายหรือตัวแทนดำเนินการได้ ตั้งการอุทธรณ์และดำเนินการชั้นศาลหากยังไม่ต้องการเสียภาษี จากกรณีการขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) ให้แก่บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (พีทีอี) จำกัด ผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ รวมเป็นเงินการซื้อหุ้นกว่า 73,000 ล้านบาท เพื่อประเมินมูลค่าภาษีเบื้องต้น 16,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย