เวียงจันทน์ 16 มี.ค. – คปภ.สนับสนุนธุรกิจประกันลงทุนกลุ่มประเทศ CLMV ขณะที่กลุ่มเมืองไทยรุกตลาดประกัน สปป.ลาว คาดธุรกิจประกันภัยเติบโตเฉลี่ยปีละร้อยละ 20
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า คปภ.สนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยขยายธุรกิจออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์และประเทศเวียดนามหรือ กลุ่ม CLMV พร้อมต่อยอดการดำเนินธุรกิจด้วยการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเสริมประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกและเป็นประโยชน์แก่ประชาชน อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและประเทศที่ผู้ประกอบการธุรกิจประกันชีวิต-ประกันวินาศภัย เข้าไปลงทุน-ร่วมทุนขยายธุรกิจ
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา คปภ.ลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (MOU) กับกระทรวงการเงิน สปป.ลาว ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการประกอบธุรกิจประกัน โดย คปภ.ทีมีความเชี่ยวชาญมากกว่าพร้อมให้การสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในการกำกับดูแลธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เพื่อการให้บริการผู้เอาประกันที่มีมาตรฐานสูงและดูแลประชาชนเป็นอย่างดีต่อไป และคปภ.ยังให้การสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยไทยเข้าไปลงทุนขยายธุรกิจใน สปป.ลาว ล่าสุดบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด บริษัท เมืองไทยโฮลดิ้ง จำกัด ร่วมมือกับ ST GROUP CO.,LTD ผู้ประกอบการธุรกิจธนาคาร ST BANK จัดตั้งบริษัท เอสที-เมืองไทยประกันภัย จำกัด ให้บริการประกันวินาศภัยและประกันชีวิต เชื่อว่าจะมีศักยภาพในการทำธุรกิจมาก ที่ผ่านมาบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้ามาลงทุนใน สปป.ลาวแล้วเช่นกันโดยถือหุ้นร้อยละ 100
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนของกลุ่มเมืองไทยนับเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากประชาชนชาวลาวให้การตอบรับการให้บริการของบริษัท เอสที-เมืองไทยประกันภัย จำกัด อย่างดี เนื่องจาก ST GROUP CO.,LTD เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ และมี ST BANK ธนาคารชั้นนำใน สปป.ลาว ซึ่งเป็นที่รู้จักดี ขณะนี้ธุรกิจวินาศภัยของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นไปด้วยดีและมีการทำธุรกิจประกันชีวิต โดยมีช่องทางการขายหลากหลายทั้งผ่าน ST BANK และตัวแทนจำหน่าย ส่วนธุรกิจประกันชีวิตใน สปป.ลาว คาดว่าจะมีโอกาสโตขึ้นในช่วงไม่เกิน 5 ปีนับจากนี้ไป เนื่องจากสามารถจัดทำกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองหลากหลายทั้งสะสมทรัพย์ที่มีจุดขายด้านการออมเงินและผลตอบแทน และยังสามารถจัดทำในลักษณะเพื่อการศึกษา การดูแลสุขภาพควบคู่กันได้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับผลตอบรับจากประชาชนใน สปป.ลาวดี
นายชาญชัย พรหมสุวรรณ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เอสที-เมืองไทยประกันภัย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจประกันภัยใน สปป.ลาว ได้รับความนิยมใช้บริการมากกว่าประกันชีวิต โดยมีสัดส่วนมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละร้อยละ 20 จากมูลค่าตลาดประกันรวมกว่า 40-50 ล้านดอลลาร์หรัฐต่อปี และยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ปัจจุบัน สปป.ลาวยอดจดทะเบียนรถยนต์สะสมรวมมากกว่า 300,000 คัน และมีการจดทะเบียนเพิ่มรถใหม่แต่ละปีกว่า 20,000 คัน เป็นผลจากการเข้ามาของธุรกิจสินเชื่อเพื่อการซื้อรถยนต์ (ลิซซิ่ง) ช่วยเอื้อให้ชาวลาวสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ง่ายขึ้นจากที่ 3 ปีก่อนหน้านี้ต้องซื้อด้วยเงินสดเท่านั้น ด้วยจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ความต้องการทำประกันภัยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเติบโตขึ้นตาม
ขณะที่ตลาดประกันชีวิตยังเติบโตไม่มากอยู่ในวงจำกัดกลุ่มเจ้าของกิจการและกลุ่มผู้มีรายได้สูง ขนาดตลาดจึงมีสัดส่วนเฉลี่ยเพียงร้อยละ 5-10 ของตลาดรวมเท่านั้น ส่วนใหญ่สนใจในกลุ่มประกันสุขภาพ นอกจากนี้ ประกันภัยแบบ Dual Pack ที่มีการคุ้มครองรถยนต์ข้ามประเทศระหว่างไทย-ลาว มีโอกาสเติบโตดี เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่วิ่งข้ามแดนจากลาวไปยังไทยมีเพิ่มขึ้นตามรายได้ของคนลาวที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ มีรถจาก สปป.ลาววิ่งข้ามแดนไปเที่ยว ช้อปปิ้ง และทำธุรกิจเฉลี่ยกว่า 2,000 คัน ขณะที่วันทำงานมีกว่า 1,000 คัน จึงเป็นโอกาสสำหรับประกันภัยประเภทนี้ให้เติบโตตามขึ้นไปด้วย.-สำนักข่าวไทย