เชียงราย 17 มี.ค.-กรมสรรพสามิตคุมเข้มส่งออกน้ำมัน ใช้ระบบติดตามตั้งแต่โรงกลั่นจนถึงชายแดน ป้องกันการลักลอบหนีภาษี นำรายได้เข้ารัฐให้ได้ตามเป้าหมาย
แม้ไทยเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเป็นหลัก แต่อีกด้านหนึ่งโรงกลั่นไทยยังมีกำลังเจียดน้ำมันสำเร็จรูปส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านถึง 40,000 คัน/ปี มูลค่าภาษีสรรพสามิตกว่า 65,000 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดน้ำมันรั่วไหลระหว่างทาง รถบรรทุกน้ำมัน วิ่งเร็ว ช้า กว่ากำหนด หรือจอดนิ่งๆ นานเกินไป บางคันอาจแต่วนไปนอกชายแดนแล้วเวียนเทียนกลับมาขายในประเทศ เพราะได้รับยกเว้นอากรส่งออก จึงเกิดปัญหาหลีกเลี่ยงภาษีจำนวนมาก เมื่อพบว่าระบบไอทีควบคุมการขนส่งน้ำมันลดคดีลักลอบได้เป็นศูนย์จากที่ผ่านมาสูงนับพันคดี
กรมสรรพสามิตยุคใหม่ไทยแลนด์ 4.0 จึงสนองนโยบายรัฐ งัดระบบไอที ติดตั้งระบบจีพีเอส ร่วมมือกับโรงกลั่นทั้งชลบุรี ระยอง และพื้นที่ต่างๆ เชื่อมโยงข้อมูลตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง คำนวณระยะทางการวิ่ง บันทึกข้อมูลคนขับรถ สรรพสามิตจึงได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ บริเวณด่านศุลกากรแม่สาย จ.เชียงราย เพราะเป็นจุดตรวจปล่อยรถบรรทุกน้ำมัน เหมือนกับรถบรรทุกสินค้าทั่วไป ขณะนี้ได้พยายามขยายการตั้งศูนย์ปฏิบัติการสรรพสามิต 13 จุด จากด่านชายแดนทั้งหมด 29 ด่าน
เมื่อรถบรรทุกน้ำมันเข้าจอดยังศูนย์ตรวจปล่อยน้ำมัน จะใช้อุปกรณ์อ่านรหัสอิเล็กทรอนิกส์ ตรวจสอบข้อมูลต้นทางจากโรงกลั่น ทั้งปริมาณน้ำมันบริษัทผู้ส่งออก วันและเวลาที่รถออกจากโรงกลั่นหรือคลังน้ำมัน ตรวจสอบปริมาณน้ำมัน การเติมสารมาร์คเกอร์เพื่อแยกประเภทน้ำมันสำหรับขนทางทะเล ทางบก และตรวจสอบความผิดปกติของสีน้ำมัน หากไม่ตรงข้อมูลที่แจ้งกับกรมสรรพสามิต ถือว่าหลีกเลี่ยงกฎหมาย
การใช้เทคโนโลยีมาช่วยตรวจสอบรถบรรทุกน้ำมัน จึงเป็นอีกเครื่องมือหนึ่ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ลดปัญหารั่วไหลนำรายได้เข้ารัฐให้ได้ในปี 60.-สำนักข่าวไทย