กรุงเทพฯ 21 มี.ค. – “เผ่าภูมิ” เร่งปราบปรามบุหรี่เถื่อน ค่าปรับเกือบ 200 ล้านบาท ยึดนโยบาย “Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์”
ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมสรรพสามิต ลงพื้นที่บริษัทขนส่งเพื่อติดตามการปราบปรามบุหรี่เถื่อน ตามนโยบาย “Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์” พร้อมขยายผลจับกุมสินค้าผิดกฎหมายทั่วประเทศ เพื่อตัดวงจรการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต ณ ศูนย์ไปรษณีย์ด่วนพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อติดตามการลักลอบขนส่งสินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตผ่านบริการขนส่งพัสดุ โดยเฉพาะสินค้าบุหรี่
รวมถึงการลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษี ตามเส้นทางบริเวณชายแดนที่นำเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ต่าง ๆ หรือขายสินค้าบนเครือข่ายออนไลน์ การเพิ่มศักยภาพด้วยการใช้เทคโนโลยี และการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการตรวจสอบเส้นทางการขนส่งสินค้า รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน จากนโยบายดังกล่าว เจ้าหน้าที่สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 3 และสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมา ได้บูรณาการการปฏิบัติงานปราบปรามร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานไปรษณีย์เขต 3 นครราชสีมา


หลังจากได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการลำเลียงสินค้าผิดกฎหมายที่สั่งซื้อจากช่องทางออนไลน์มาทางภาคใต้ผ่านบริษัทขนส่ง จึงเข้าตรวจสอบพัสดุ ณ สำนักงานไปรษณีย์ พบพัสดุต้องสงสัย จำนวน 1,269 กล่อง ภายในบรรจุบุหรี่หนีภาษีสรรพสามิต จำนวน 92,637 ซอง ประมาณการค่าปรับ เป็นเงินจำนวน 87 ล้านบาท จึงได้นำของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจอหอ จ.นครราชสีมา และเร่งติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป และในส่วนของการลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการติดตามขยายผลการขนส่งสินค้า โดยบูรณาการปฏิบัติงานปราบปรามร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ไปรษณีย์ด่วนพิเศษ กรุงเทพฯ พบของกลางบุหรี่ที่ไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มเติมอีก จำนวน 15,243 ซอง ประมาณการค่าปรับ เป็นเงินจำนวน 14 ล้านบาท จากการดำเนินการปฏิบัติงานปราบปรามผ่านช่องทางการขนส่งดังกล่าว พบบุหรี่เลี่ยภาษีสรรพสามิต ทั้งสิ้น 107,880 ซอง ประมาณการค่าปรับ รวมเป็นเงินจำนวน 101 ล้านบาท
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงานสำคัญในการป้องกันและปราบปรามไม่ให้สินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิตจำหน่ายไปสู่พี่น้องประชาชน โดยขอให้ช่วยกันยกระดับการบูรณาการด้านข้อมูลและด้านความร่วมมือการปฏิบัติงานด้านการปราบปราม ไม่ให้มีการขายสินค้าผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นการสร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริตและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย. -515- สำนักข่าวไทย