กรุงเทพฯ 14 พ.ย. – นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล กล่าวถึงผลจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า หลายสำนักคาดว่าดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงระยะแรกหลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพบว่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินของหลายประเทศ รวมถึงไทยและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ในแง่การลงทุนหากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อไปอีกจะมีผลทำให้นักลงทุนต่างชาติที่ถือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐได้รับผลประโยชน์ เนื่องจากจะสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยได้ในราคาที่ถูกลง ขณะเดียวกันเชื่อว่าเงินดอลลาร์จะไม่แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากเมื่อเทียบกับเงินบาท ดังนั้น จึงไม่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะมีผลให้นักลงทุนที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเร่งหรือชะลอการตัดสินใจ โดยเฉพาะขณะนี้ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยขณะนี้เป็นกลุ่มทุนจากเอเชียแปซิฟิก
ทั้งนี้ ในทางกลับกันหากระยะต่อไปเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เช่นที่เกิดขึ้นกับค่าเงินปอนด์ของอังกฤษหลังผลโหวต Brexit ในช่วงก่อนหน้านี้มีความเป็นได้ว่าสหรัฐและประเทศที่ผูกติดค่าเงินไว้กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น ฮ่องกง จะกลายเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนไทยให้ความสนใจมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนจะสามารถมีโอกาสเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศเหล่านี้ได้ในราคาที่ถูกลงเมื่อคำนวณเป็นเงินบาท
อย่างไรก็ตาม อาจเร็วเกินไปที่จะสรุปความเป็นไปได้ เนื่องจากกรณีของสหรัฐยังมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากนี้ ทิศทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่จะยังไม่มีความชัดเจนอย่างน้อยไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2560 ทั้งนี้ ความต้องการในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศใด ๆ ก็ตามจะขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจในระดับมหภาคภายในประเทศค่อนข้างมาก ดังนั้น ยังคงต้องจับตาดูต่อไปว่านโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะดำเนินการต่อไปจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกหรือไม่ มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยและกำลังมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยในการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย.-สำนักข่าวไทย