ปทุมธานี 13 ม.ค.-เกษตรกร ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ต่อยอดเพิ่มมูลค่าข้าวหอมปทุม และข้าวไรซ์เบอร์รีที่ปลูกเอง เป็นข้าวกล้องงอกบรรจุถุงขายกิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งสูงกว่าขายราคาข้าวสารปกติเกือบ 2 เท่าตัว พร้อมรวบรวมสมาชิกในหมู่บ้านเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ ยึดแนวทางตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เกษตรกรกว่าร้อยละ 80 ในพื้นที่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา ส่วนอีกร้อยละ 20 ทำไร่นาสวนผสม เช่นเดียวกับลุงเดชา เครือโชติ ประธานกลุ่มเกษตรกรเฉลิมพระเกียรติบ้านทางยาว ต.คลองควาย อ.สามโคก ที่ยึดอาชีพปลูกข้าวมาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณพ่อ จนปัจจุบัน ลุงเดชา ยังใช้ประสบการณ์จากการเรียนรู้ต่อยอดปลูกข้าวหอมปทุม และข้าวไรซ์เบอร์รี และทำข้าวกล้องงอกจำหน่ายด้วย
ส่วนกรรมวิธีการทำข้าวกล้องงอก เริ่มจากนำข้าวเปลือกมาแช่ในน้ำ ให้สูงจากข้าวเปลือก 30 เซนติเมตร ในช่วงที่แช่น้ำต้องมีออกซิเจนเพื่อไม่ให้ข้าวเสีย แช่ไว้ 1 คืน เทน้ำออกจนแห้งแล้วจึงค่อยใส่น้ำใหม่ ทำอย่างนี้ 3 วันติดกัน นำข้าวเปลือกออกมาตาก โดยใช้ผ้าหรือพลาสติกดำปิดทิ้งไว้ 3 วัน เมล็ดข้าวเปลือกจะงอกขาวออกมา จากนั้นนำเข้าเครื่องอบใช้เวลา 8 ชั่วโมง อุณภูมิ ไม่เกิน 70 องศาฯ นำข้าวเปลือกที่ผ่านการอบแล้วมาสีเป็นข้าวกล้อง ข้าวเปลือก 1 ถัง จะได้ข้าวกล้องงอกประมาณ 4 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 100 บาท เพิ่มมูลค่าได้ถึง 4 เท่า จากที่เคยขายเป็นข้าวเปลือกได้เพียงถังละ 80 บาท
นอกจากนี้ ลุงเดชา ยังมีการรวมกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรเฉลิมพระเกียรติบ้านทางยาวเป็นศูนย์เรียนรู้ โดยยึดแนวทางตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยังได้รับความร่วมมือจากสำนักงานเกษตรอำเภอสามโคก ส่งผู้เชี่ยวชาญมาอบรมให้ความรู้กับเกษตกร และแนะนำช่องทางการตลาด
“ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก” ที่เหลือนำไปขาย เป็นหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ลุงเดชา และสมาชิกวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรเฉลิมพระเกียรติบ้านทางยาว นำมาปฏิบัติเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต.-สำนักข่าวไทย