กมธ.สังคมฯ ยอมนำรายงานปฏิรูปกฎหมายบริการสาธารณสุขไปปรับใหม่

ห้องประชุม สปท.  2รัฐสภา 16 ม.ค.- กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม สปท. ยอมถอย นำเรื่อง “การปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข” กลับไปปรับปรุง หลังเสียงงดออกเสียงมากกว่าเสียงเห็นชอบ จนมีการถกและตีความกัน เกรงว่าจะมีผลกระทบกับข้อเสนอ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีน.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธาน สปท.คนที่สอง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เรื่อง “การปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พร้อมร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 3 ฉบับ

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ….นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ประธานกรรมาธิการฯ ระบุว่าเพื่อให้มีการจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ที่ได้รับผลกระทบจากผู้ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการใช้บริการและผู้ให้บริการ เพื่อลดคดีฟ้องร้องในศาลยุติธรรม และส่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ


พล.อ. ชูศักดิ์ สันติวรวุฒิ ประธานอนุกรรมาธิการด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ขยายความเพิ่มเติมว่า ในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมามีคดีความฟ้องร้องกันกว่า 420 คดี  คณะกรรมาธิการฯ จึงเสนอให้มีกระบวนการไกล่เกลี่ยอย่างมีเหตุผลเป็นธรรม มีการตั้งกองทุนเยียวยาโดยเร็วโดยไม่ต้องพิสูจน์ความผิด มีการทำสัญญาประนีประนอมเพื่อไม่ให้เป็นคดี แต่มีมาตรการกำกับดูแลปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น แม้จะมีกระบวนการไกล่เกลี่ย แต่ผู้เสียหายสามารถใช้สิทธิฟ้องต่อศาลยุติธรรมได้

สำหรับกองทุนเยียวยาชดเชยดังกล่าว จะนำเงินมาจากการหักไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์จากการการรักษาพยาบาลของกองทุนสุขภาพ 3 กองทุนหลัก ซึ่งมีอยู่แล้วตามมาตรา 41 ของพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพ  แต่ขยายกรอบการคุ้มครองให้ครอบคลุมทั้ง 3 กองทุน อย่างไรก็ตาม จะมีการยกเว้นกรณีผลกระทบที่เกิดขึ้นตามปกติธรรมดาของโรค หรือเป็นผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการให้บริการสาธารณสุขตามมาตรฐาน

ทั้งนี้ มีสมาชิกอภิปรายสนับสนุนหลักการในการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการ แต่มีข้อสังเกตในบางประเด็น อาทิ รองศาสตราจารย์ (พิเศษ) เภสัชกร กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เห็นว่า ควรกำหนดสิทธิให้ครอบคลุมผู้เข้ารับบริการทุกคนและสถานบริการทุกแห่งทั้งภาครัฐและภาคเอกชน  และควรลงรายละเอียดของข้อยกเว้นผลกระทบที่ไม่เข้าข่ายได้รับการเยียวยาให้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งผลกระทบตามปกติธรรมดา และผลกระทบซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้จากการรับบริการสาธารณสุขตามมาตรฐาน  เพราะมาตรฐานการบริการทั่วประเทศอาจไม่เท่ากัน


นายคุรุจิต นาครทรรพ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมผู้ที่รักษาตามสิทธิ์ประกันสังคม ซึ่งบางส่วนรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ดังนั้น ควรมีการรับฟังความคิดเห็นจากโรงพยาบาลเอกชนด้วยว่าเห็นด้วยหรือไม่ และมีข้อห่วงในแนวทางปฏิบัติในมาตรา 5 และมาตรา 6 ที่อาจเกิดปัญหาการตีความเรื่องการรับเงินชดเชยจากกองทุนและข้อยกเว้นในการเยียวยา จึงควรระบุรายละเอียดให้ชัดเจนมากขึ้น

นายกษิต ภิรมย์  สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ  ขอความชัดเจนจากคณะกรรมาธิการฯ ว่ากฎหมายดังกล่าวจะยกความรับผิดหรือตอบสนองผลประโยชน์ให้กับผู้ที่ทำงานผิดพลาด ทั้งโรงพยาบาล ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาลเอกชน แพทย์ พยาบาล และบริษัทขายยา แล้วผลักภาระความรับผิดชอบไปให้ผู้เสียภาษีจากการจัดตั้งกองทุนและนำเงินภาษีของประชาชนมาชดเชยใช่หรือไม่ และยังเป็นการปิดปากประชาชนที่มาเข้ารับบริการให้รับเงินชดเชยแล้วเลิกรากันไป ซึ่งตนไม่เห็นด้วยหากข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้

ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไม่เห็นด้วยกับรายงานดังกล่าวและขอให้คณะกรรมาธิการฯ นำรายงานกลับไปทบทวน  เนื่องจากมีความกำกวม เกรงว่าจะก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในวงการแพทย์ขึ้นมาอีก รวมถึงอาจสร้างพฤติกรรมไม่ดีของคนไข้ด้วย ดังนั้น คณะกรรมาธิการควรสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งแพทยสภา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่าเห็นด้วยกับการตั้งกองทุนเยียวยาหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการออกเสียงลงคะแนน เรื่อง รายงานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เรื่อง “การปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พร้อมร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 3 ฉบับที่ประชุมมีมติเห็นด้วย 48 เสียง ไม่เห็นด้วย 26 เสียง งดออกเสียง 77 เสียง ซึ่งการลงคะแนนงดออกเสียงมีมากกว่าเสียงที่เห็นด้วย เนื่องจาก ในการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยังไม่เคยปรากฎเหตุการณ์การงดลงคะแนนเสียง ที่มีคะแนนมากกว่าคะแนนเสียงที่เห็นด้วย ทำให้ประธานในที่ประชุมเกรงว่าจะเกิดปัญหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกษิต ภิรมย์  นายเสรี สุวรรณ์ภานนท์ ไม่เห็นด้วยที่จะลงคะแนนใหม่ จึงเสนอให้คณะกรรมาธิการนำรายงานดังกล่าวกลับไปทบทวนใหม่ เพื่อความถูกต้องและชัดเจนมากกว่านี้ และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการลงคะแนนเสียง ซึ่งหากส่งรายงานฉบับนี้ไปยังรัฐบาล เชื่อว่าจะไม่ได้รับการพิจารณาและถูกตีกลับอย่างแน่นอน จึงขอให้คณะกรรมาธิการนำเรื่องดังกล่าวไปทบทวนใหม่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทั้งในที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและการทำงานของรัฐบาล ซึ่งนายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ประธานกรรมาธิการฯ ยินยอมจะนำรายงานเรื่องดังกล่าวพร้อมทั้งร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับ กลับไปพิจารณาทบทวนใหม่ภายในระยะเวลา 30 วัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สั่ง 4 ข้อยกระดับมาตรฐานซาฟารีเวิลด์ ห่วงความปลอดภัยและสวัสดิภาพสัตว์

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – อธิบดีกรมอุทยานฯ มีคำสั่งด่วนถึงซาฟารีเวิลด์ ให้ปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดแสดงสัตว์ดุร้ายโดยเร็ว พร้อมกำหนด 4 มาตรการเข้มที่ต้องปฏิบัติเพื่อยกระดับความปลอดภัยทั้งต่อนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ ชี้เป็นห่วงสุขภาพและสวัสดิภาพสิงโต เบื้องต้นพบมีภาวะเครียดและมีอาการโรคผิวหนัง ส่วนกรงยังมีไม่เหมาะสมเพียงพอ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงบริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ให้ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดแสดงสัตว์ดุร้าย หลังเกิดเหตุสิงโตในโซนจัดแสดงแบบเปิดรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่สวนสัตว์จนเสียชีวิต จากการตรวจสอบเบื้องต้นของคณะเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ พบข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยหลายประการเช่น ไม่มีระบบกั้นพื้นที่อย่างปลอดภัย ไม่มีประตูนิรภัยสองชั้น และขาดอุปกรณ์ควบคุมสัตว์ที่เหมาะสม ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าใกล้สัตว์โดยตรงขณะปฏิบัติงาน กรมฯ จึงกำหนด 4 มาตรการเร่งด่วน ที่บริษัทต้องดำเนินการให้ครบถ้วน ดังนี้ อธิบดีกรมอุทยานฯ ย้ำว่า ได้ให้บริษัทเร่งปรับปรุงให้ได้ตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยทั้งของนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ ก่อนหน้านี้ กรมอุทยานฯ ได้มีคำสั่งปิดการจัดแสดงสิงโตและสัตว์ดุร้ายในสวนสัตว์เปิดซาฟารีเวิลด์เป็นการชั่วคราวหลังเกิดเหตุ โดยคำสั่งล่าสุดนี้ ถือเป็นการกำหนดรายละเอียดแนวทางแก้ไขเชิงระบบ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังแสดงความห่วงใยถึงสุขภาพและสวัสดิภาพของสิงโต 5 ตัวที่รุมทำร้ายเจ้าหน้าที่สวนสัตวว์ เป็นเพศผู้ 3 ตัว เพศเมีย 2 […]

ชาวบ้านเฮ! ปิดรอยขาดพนังกั้นน้ำยังได้สำเร็จ

ร้อยเอ็ด 12 ก.ย. – สามารถปิดรอยขาดพนังกั้นน้ำยัง บริเวณบ้านทรายมูล อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด หลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน พร้อมชาวบ้านกว่า 200 คน เร่งช่วยกันซ่อมแซม ปฏิบัติการเร่งซ่อมพนังกั้นลำน้ำยังที่ขาด บริเวณบ้านทรายมูล หมู่ 4 ต.ขวาว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ทำให้มวลน้ำทะลักเข้าท่วมนาข้าวเสียหายกว่า 5,000 ไร่ ครอบคลุม 3 ตำบล นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นำเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน พร้อมชาวบ้านกว่า 200 คน ใช้ทั้งแรงคนและเครื่องจักรหนัก รถบรรทุกทราย และถุงบิ๊กแบ็กปิดกั้นรอยแตก นอกจากนี้ยังนำเสาไฟฟ้า 16 ต้น มาวางพาดขวางเสริมฐานความแข็งแรง ร่วมกับท่อนไม้ขนาดใหญ่ เพื่อชะลอความแรงของกระแสน้ำ ก่อนใช้รถแบ็กโฮจัดวางถุงทรายทับซ้ำอีกชั้นหนึ่ง เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้แนวป้องกัน เมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (11 ก.ย.) สามารถปิดบริเวณที่ขาดได้สำเร็จ ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด กล่าวว่า หลังจากปิดกั้นจุดที่ขาดเสร็จสิ้น […]

‘เจนซี’ เนปาลเรียกร้องยุบสภา-ตายเพิ่มเป็น 34 ราย

กาฐมาณฑุ 12 ก.ย. -ยอดผู้เสียชีวิตจากการประท้วงรุนแรงในเนปาล เพิ่มเป็น 34 ราย ผู้นำเยาวชนเรียกร้องให้ยุบสภา และสนับสนุนอดีตประธานศาลฏีกาหญิง เป็นผู้นำประเทศชั่วคราว หลังการประท้วงรุนแรง 2 วันจนนายกรัฐมนตรีต้องลาออก โอจาชวี ราช ทาปา ผู้นำเยาวชนเนปาล เรียกร้องให้ยุบสภาหลังการเจรจากับกองทัพในกรุงกาฐมาณฑุเมื่อวานนี้ และบอกว่า พวกเขาสนับสนุนให้ สุชิลา คาร์กี อดีตประธานศาลฎีกา เป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกรัฐธรรมนูญ แต่เสริมว่ายังมีสิ่งที่ต้องแก้ไขอีกมาก ขณะที่แกนนำเยาวชนอีกคนอ้างว่า พวกเขาได้ประท้วงอย่างสันติหลังจากได้รับอนุญาตจากนายกเทศมนตรีของกรุงกาฐมาณฑุ แต่รัฐบาลกลับสั่งให้ตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่พวกเขาเพื่อหวังสลายการชุมนุมจนนำไปสู่ความรุนแรงเป็นเหตุจลาจลนองเลือด เผาทำลายอาคารรัฐสภา จนนายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลี ต้องลาออก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากการประท้วงเพิ่มเป็น 34 ราย บาดเจ็บ 1,033 คน ส่วนเมื่อวานนี้ ทหารยังคงลาดตระเวนตามท้องถนนที่เงียบสงบของกรุงกาฐมาณฑุ ร้านค้าและโรงเรียนยังคงปิด ส่วนหน่วยงานบริการสำคัญบางแห่งกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เหตุความวุ่นวายในเนปาลรอบนี้ มีที่มาจากการที่รัฐบาลสั่งห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ถูกยกเลิกไปหลังจากมีผู้เสียชีวิต 19 รายในวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนที่การประท้วงจะขยายไปเป็นการต่อต้านการทุจริตของนักการเมืองและข้าราชการ รวมถึงบรรดาลูกท่านหลานเธอและอภิสิทธิ์ชน ที่นำเสนอชีวิตหรูหราสุขสบายของพวกเขาผ่านทางสื่อออนไลน์ ในขณะที่ชาวเนปาลจำนวนมากยังมีชีวิตที่ยากลำบาก การประท้วงนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นการเคลื่อนไหวของคนเจนซี […]

อุตุฯ เผยไทยยังมีฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย