ก.ยุติธรรม 6 ก.พ.-รองปลัดฯยุติธรรม ประชุมร่วมตำรวจหารือรื้อคดี ‘ครูจอมทรัพย์’ ก่อนขึ้นศาล 8 ก.พ.นี้ ต่างฝ่ายต่างมีหลักฐาน แต่ไม่เปิดเผย รอศาลทำหน้าที่ตัดสิน
บ่ายวันนี้ (6 ก.พ.) พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้ รับความเป็นธรรม (ศนธ.ยธ.) ให้การต้อนรับ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ และคณะจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมาประชุมร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลคดีครูจอมทรัพย์ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนรออยู่ ด้านนอก หลังใช้เวลาประชุมประมาณ 40 นาที ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมแถลงข่าว และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม
พ.ต.อ.ดุษฏี กล่าวว่า การประชุมร่วมวันนี้เป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลในเชิงลึกที่แต่ละฝ่ายได้ไปสืบสวนสอบสวนมาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ต่อไปนี้ทั้ง 2 หน่วยงานจะทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความยุติธรรมและประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ส่วนความเห็นในคดีเป็น ไปไม่ได้ที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะเห็นตรงกัน เพราะต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่โดยเรื่องที่เห็นต่าง ทั้ง 2 ต้องนำเสนอข้อมูลทั้งหมดให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน
ด้าน พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่า การรื้อฟื้นคดีเป็นสิทธิที่ผู้เสียหายสามารถทำได้ ส่วนการนัดสืบพยานวันที่ 8-10 ก.พ.นี้ ที่ศาลจังหวัดนครพนม ตนได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 4 และตำรวจในพื้นที่ช่วยอำนวยความสะดวก ให้การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น นอกจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังฝากถึงการทำหน้าที่ของตำรวจ โดยเฉพาะชั้นพนักงานสอบสวนขอให้นำเรื่องนี้เป็นบทเรียน เพราะตอนนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง ประชาชนให้ความสนใจการทำหน้าที่ของตำรวจมากขึ้น เกิดคำถาม ผล กระทบและความเชื่อมั่นถึงการทำหน้าที่ของตำรวจ ได้ย้ำให้ตำรวจ ในชั้นสอบสวนเพิ่มความรัดกุมมากขึ้นเดิม
“เบื้องต้นยังไม่พบความผิดพลาดของชั้นพนักงานสอบสวนที่ทำคดี แต่ตำรวจต้องเพิ่มความรอบคอบ รัดกุมมากขึ้น เมื่อก่อนที่คิดว่าการทำงานของตัวเองในชั้นสืบสวน สอบสวน 100% ต่อไปต้องเพิ่มเป็น 101,102 หรือ 103% ” พล.ต.อ.ปัญญา กล่าว
ส่วนข้อซักถามว่า ยังเชื่อมั่นในหลักฐานของตำรวจที่เคยออกมาบอกว่ามีกระบวนการรับผลประโยชน์จากคดีครูจอมทรัพย์อยู่หรือไม่ พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่า ต่างฝ่ายต่างหาความจริง ตำรวจก็ได้ค้นหามาไว้แล้ว จะให้ตอบตอนนี้คงไม่ได้ ขอให้เป็นหน้าที่ของศาลทำหน้าที่ตัดสินจะเหมาะที่สุด ส่วนในอนาคตหากมีกรณีเช่นนี้ตำรวจจะส่งเจ้าหน้าที่มาทำงานร่วมกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น .-สำนักข่าวไทย