ยธ.มั่นใจจัดการสอบคดีนายสุภัฒ เสร็จภายใน 1 เดือน

ก.ยุติธรรม 6 ก.พ.-ยธ. มั่นใจสอบสอบคดีรองอธิบดีกรมทรัพย์สิน เสร็จภายใน 1 เดือน เตรียมเรียกมาให้การภายใน 15 วัน


พันตำรวจเอกดุษฏี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) เป็นประธานประชุมคณะกรรมการสอบสวนวิยัยร้ายแรง กรณีนายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ก่อเหตุขโมยภาพเขียนจำนวน 3 รูปในโรงแรมที่พักแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น และถูกตำรวจจับกุม พร้อมกับตัวแทนคณะกรรมการจากกระทรวงพาณิชย์

พันตำรวจเอกดุษฏี  กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมในวันนี้เป็นการกำหนดแนวทางและกรอบระยะเวลาการสอบสวนจากคณะกรรมการ จากการตรวจสอบคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน  มั่นใจจะสามารถดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จได้ภายใน 1 เดือนแน่นอน  และภายสัปดาห์นี้จะมีการประชุมครั้งที่ 2 ซึ่งจะเป็นการประชุมกำหนดแนวทางการสอบสวน  ว่าพยานที่ได้จากชั้นสืบสวนข้อเท็จจริงเพียงพอหรือไม่ ส่วนใหญ่เป็นพยานหลักฐานที่คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงจากกระทรวงพาณิชย์ได้ทำการสอบสวนมาแล้ว  หรือว่าจะต้องขอหลักฐานจากทางการญี่ปุ่นเพิ่มเติม ให้มีน้ำหนักเพียงพอที่จะกล่าวหาผู้กระทำผิด  โดยขณะนี้ทางคณะกรรมการมีพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารมาพอสมควรแล้ว ส่วนในรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผยขอให้คณะกรรมการได้ทำงานอย่างเป็นอิสระก่อนและหลังจากได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว จะให้ระยะเวลากับผู้ที่ถูกกล่าวหา หลังได้รับการแจ้งข้อกล่าวหา ต้องมาให้การภายในระยะเวลา 15 วัน โดยสามารถทำหนังสือ หรือจะเดินทางมาพร้อมกับที่ปรึกษากฎหมาย หรือทนายความก็ได้ แต่หากเกิน 15 วันไปแล้ว นายสุภัฒก็สามารถขอขยายเวลาออกไปได้ ซึ่งทางคณะกรรมการก็จะมีการพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นว่ามีความเหมาะสมหรือไม่


ทั้งนี้กรอบเวลาที่จะเป็นไปตามกำหนดไว้ 1 เดือนได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนายสุภัฒที่จะเข้ามาชี้แจงได้ตามระยะเวลาที่ทางคณะกรรมการได้กำหนดไว้ 15 วันหรือไม่ โดยข้อกล่าวหาในเวลานี้ เป็นเรื่องของการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงคือการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นเรื่องเชื่อมโยงมาจากการกระทำผิดทางอาญา ซึ่งทางอาญาถือว่าจบไปแล้ว แต่ยังต้องสอบสวนทางวินัย เพราะมีผลต่อการที่นายสุภัฒได้ยื่นหนังสือลาออกจากกระทรวงพาณิชย์ว่าจะมีผลเป็นเรื่องของการลาออก หรือไล่ออก หรือปลดออก เพราะถ้าถูกไล่ออกจากราชการ นายสุภัฒก็จะไม่ได้รับเงินบำเหน็จบำนาญที่นายสุภัฒจะได้รับ อีกทั้ง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สร้างผลกระทบต่อชื่อเสียงประเทศชาติ ซึ่งเราจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทยอยนำ 3 ร่างผู้เสียชีวิตออกจากใต้ซากตึกถล่ม ส่งสถาบันนิติเวช

นำร่างผู้เสียชีวิต 3 ราย ออกจากใต้ซากอาคารถล่ม ทยอยเคลื่อนออกจากพื้นที่ ส่งสถาบันนิติเวชวิทยา ด้านตำรวจเตรียมดำเนินคดีชาวจีน 4 คน ขนเอกสารอ้างเคลมประกัน

ระดมทีมค้นหาสุดกำลัง ช่วยผู้ที่ติดค้างใต้ซากตึกถล่ม

ระดมทีมค้นหาสุดกำลัง ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างใต้ซากอาคาร สตง. ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ทุกภาคส่วนยังทำงานแข่งกับเวลาและสภาพอากาศที่ร้อนจัด ล่าสุดมีรายงานพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ราย

“อนุทิน” เซ็นตั้ง คกก.สอบอาคาร สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว

“อนุทิน” เซ็นตั้ง คกก.สอบ หลังตึก สตง.ถล่มจากเหตุแผ่นดิน​ไหว​เพียงตึกเดียว​ คาดรู้ผลใน 7 วัน ยันไล่บี้ตั้งแต่แบบอาคารและการก่อสร้าง ชี้ทั้งบริษัทไทย-จีน​ ต้องรับผิดชอบเต็มร้อย ​ขณะทูตจีนพาผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวพบ

บกปภ.ช. รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหว เสียหาย 18 จังหวัด

บกปภ.ช. รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหว เสียหายเพิ่มขึ้นเป็น 18 จังหวัด เฉพาะกรุงเทพฯ เสียชีวิต 9 ราย สูญหาย 79 ราย ยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตจากอาคารถล่ม ขณะที่กรมบัญชีกลางขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 200 ล้านบาท