ทำเนียบ 6 ก.พ.-นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลัง เสนอให้ใช้มาตรา 44 แก้ไขกฎหมายลดโทษให้กับผู้ให้สินบนในคดีทุจริต นายวิษณุ กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นแนวคิดของทางกระทรวงการคลัง ซึ่งรัฐบาลยังไม่รับรู้ในส่วนนี้ โดยแนวคิดเช่นนี้เคยมีการพูดกันมานานแล้ว อาทิ ในสมัยจัดทำกฎหมายเลือกตั้งในบางครั้ง ก็มีการเขียนไว้ว่า การซื้อเสียงผิดกฎหมาย แต่การขายเสียงไม่ผิดกฎหมาย เพื่อไม่เอาผิดประชาชนและต้องการให้เป็นการล่อซื้อล่อจับคนที่ซื้อเสียง แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการซื้อสิทธิ์ขายเสียงนั้นผิดกฎหมายทั้งคู่ ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อมีการทำผิดกฎหมายในเรื่องดังกล่าว ก็ยังคงความผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของสินบน ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ในหลักการมีคนล่วงรู้ คือผู้ให้กับผู้รับ แต่หากมีการได้หลักฐานจากภายนอก ก็เอาผิดทั้งสองฝ่ายได้ จึงไม่มีเหตุที่จะให้มีการลดหย่อนโทษ ยกเว้นความผิด หรือยกเว้นโทษ แต่หากเป็นกรณีที่พยานหลักฐานมาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหลักคือมีความผิดทั้งคู่ แต่อัยการสามารถกันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไว้เป็นพยาน ซึ่งจากคดีในอดีตก็เคยมีคดีในลักษณะเช่นนี้ แต่ปัญหาคือจะกันใครไว้เป็นพยาน โดยที่ผ่านมาส่วนใหญ่ อัยการจะเลือกคนที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐไว้เป็นพยาน
“แต่นั่นเป็นเรื่องที่กฎหมายเอาผิดทั้งคู่ แต่กันโดยการไม่ฟ้องฝ่ายหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งเคยทำมาแล้วหลายคดีในอดีต ถ้าเพียงแค่นี้มันอาจจะพอรับกันได้ แต่ย้ำอีกครั้งว่าหากพยานหลักฐานมีจากภายนอกชัด ก็ไม่ต้องเอาใครเลยมาเป็นพยาน อย่างนั้นก็ไม่ต้องกันใคร ก็เล่นงานทั้งคู่ หลักมันก็มีอยู่แล้วอย่างนี้” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น กฎหมายปัจจุบัน ก็มีการคุ้มครองพยาน ซึ่งหลักการก็คือถ้าพยานมาชี้เบาะแส และไม่มีหลักฐานอื่น ก็อาจจะกันพยานคนดังกล่าวไว้ โดยใช้วิธีสั่งไม่ฟ้อง.-สำนักข่าวไทย