สธ.11 ก.พ.-กรมการแพทย์ พบสถิติคนไทยป่วยโรคตับอักเสบบีมากส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว ปัจจัยติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย ได้รับเลือด ใช้สิ่งของร่วมกันและถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก หากไม่ได้รับรักษาถูกต้อง จะทำให้กลายเป็นตับแข็งและมะเร็งตับ
นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคตับอักเสบเป็นปัญหาสำคัญของสาธารณสุขทั่วโลก โรคนี้เป็นภาวะที่เซลล์ตับถูกทำลาย เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส แบ่งเป็นชนิดเอ บี ซี ดี อีและจี ซึ่งแต่ละชนิดจะมีการติดต่อและแพร่เชื้อที่แตกต่างกัน เช่น ไวรัสตับอักเสบเอและอี สามารถแพร่เชื้อทางอาหาร น้ำดื่ม ผักผลไม้ สัตว์น้ำจากแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ รวมถึงระบบสุขอนามัยที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น การขับถ่ายอุจจาระลงแหล่งน้ำลำคลอง ดังนั้น จึงควรรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่และล้างมือทุกครั้งหลังทำกิจกรรมต่างๆ
ไวรัสตับอักเสบบี ซี ดีและจี พบเชื้อในเลือด น้ำเหลือง สารคัดหลั่ง น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด น้ำลาย น้ำตา น้ำนม ทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อได้หลายทาง เช่น ทางเพศสัมพันธ์ ทางแม่สู่ลูก เป็นต้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็งและอาจกลายเป็นมะเร็งตับได้
สำหรับโรคตับอักเสบที่คนไทยป่วยกันมากและมีภาวะการอักเสบเรื้อรัง คือชนิดบี พบสถิติผู้ป่วยมีเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีอยู่ในกระแสเลือดถึงร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 9 ล้านคน ขณะที่ทั่วโลกพบว่ามีผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดนี้มากกว่า 350 ล้านคน
สิ่งที่น่ากลัวของไวรัสตับอักเสบชนิดบี คือ เมื่อรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายผู้ที่ได้รับเชื้อจะไม่แสดงอาการใดๆ อาจมีไข้ ปวดเมื่อย ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แนวทางป้องกันโรคตับอักเสบเบื้องต้น คือ รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่และครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่มีคุณสมบัติบำรุงตับ เช่น กะหล่ำปลี แครอท ลิ้นจี่ หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆดิบๆ อาหารไขมันสูง ดื่มน้ำสะอาดโดยการต้มให้เดือดก่อนบริโภค ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ที่สำคัญควรใช้ช้อนกลางเวลารับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นและไม่ใช้ของมีคม
หรือแปรงสีฟันร่วมกัน
ทั้งนี้ ในช่วงนี้ใกล้ถึงเทศกาลแห่งความรักจึงขอเตือนให้สวมทุกยางอนามัยทุกครั้ง ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี สามารถติดต่อได้จากสารคัดหลั่ง น้ำอสุจิ จะสามารถป้องกันโรคดังกล่าวได้ ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ 2 ชนิด คือ ไวรัสตับอักเสบเอและไวรัสตับอักเสบบี สามารถให้ได้ในผู้ที่ยังไม่เคยรับเชื้อมาก่อน โดยก่อนการให้วัคซีนต้องได้รับการตรวจร่างกาย โดยแพทย์ เพื่อดูว่าเคยได้รับเชื้อมาก่อนหรือมีภูมิคุ้มกันอยู่แล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่ติดเชื้อหรือยังไม่มีภูมิคุ้มกันแพทย์จะให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคดังกล่าวต่อไป.-สำนักข่าวไทย