ประจวบคีรีขันธ์ 12 ก.พ.- ทะเลประจวบฯ คลื่นลมแรงสูงกว่า 2 เมตร ซัดไคท์เซิร์ฟล่มห่างชายฝั่งสะพานสราญวิถี นักท่องเที่ยวอังกฤษลอยคอ จนท.เร่งช่วยเต็มที่ ส่วนสงขลาคลื่นแรงเช่นกัน ชุมชนชายฝั่งร้องสร้างเพิ่มกำแพงชะลอคลื่น
เมื่อเวลา 10.00 น. (12 ก.พ.) เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งเหตุชาวต่างชาติประสบอุบัติเหตุไคท์เซิร์ฟตกกลางทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 100 เมตร เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จึงเร่งเข้าพื้นที่พบชาวต่างชาติสวมเสื้อชูชีพติดอยู่กับตัวร่มลอยคออยู่ในทะเล แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือได้ เนื่องจากทะเลลมแรงและคลื่นสูง 2–4 เมตร ซัดเข้าชายฝั่งตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ชุดเจ้าหน้าที่พยายามหาทางช่วยนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
ด้าน น.ส. สุนันทา มานะกุล อายุ 46 ปี นักเล่นไคท์เชิฟร์ กล่าวว่า ผู้ประสบอุบัติเหตุคือนายเอียน อายุ 67 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ซึ่งเล่นไคท์เชิฟร์กลุ่มเดียวกันได้นำร่มขึ้น ที่บริเวณสะพานสราญวิถีเมื่อช่วงเช้า ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 800 เมตร แต่ต่อมามีลมพัดกระโชกแรง ทำให้ไคท์เชิฟร์ของนายเอียนล่ม จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ
ส่วน จ.สงขลา คลื่นลมอ่าวไทยมีกำลังแรงและซัดเข้าชายฝั่งเช่นกัน ชาวบ้านเริ่มวิตก เพราะที่ผ่านมาคลื่นซัดชายฝั่งกัดเซาะที่ดินริมทะเลของชาวบ้านในตำบลท่าบอน อ.ระโนด เสียหายไปหลายสิบเมตร พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนงบประมาณสร้างแนวกำแพงชะลอคลื่นเพิ่มเติมให้ครอบคลุมอีก 7,000 เมตร จากที่มีการสร้างแนวกำแพงคอนกรีตชะลอคลื่นสูง 1.50 เมตร แล้วตลอด 500 เมตร ในพื้นที่หมู่ 3 พบว่าสามารถชะลอคลื่นได้ดี ชายหาดไม่ถูกกัดเซาะ ทำลาย ไม่ทำลายภูมิทัศน์ชายหาด และใช้งบประมาณที่ไม่สูงมาก โดย 100 เมตร ใช้งบประมาณไม่เกิน 400,000 บาท ต่ำกว่าการใช้งบประมาณก่อสร้างแนวเขื่อนหินทิ้งถึง 4 เท่าตัว
นายกาจบัณฑิต รามมาก ตัวแทนชาวบ้านตำบลท่าบอน กล่าวว่า ปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่งนั้นสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่อย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตร ที่อยู่อาศัยที่ถูกคลื่นกัดเซาะจนหายไปมาก บางรายต้องอพยพออกนอกพื้นที่.-สำนักข่าวไทย