กระทรวงการต่างประเทศ 27 ก.พ.-กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง กรณีเครือข่ายผู้นำองค์กรพุทธแสดงความห่วงกังวลกรณีวัดพระธรรมกาย ในที่ประชุมองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์ แห่งโลก ครั้งที่ 78 ยันที่ประชุมเห็นพ้องเคารพการดำเนินการตามกฎหมายภายในของไทย
นางลินนา ตังธสิริ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวเครือข่ายผู้นำองค์กรพุทธแสดงความห่วงกังวลกรณีวัดพระธรรมกาย ในการประชุมองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ครั้งที่ 78 ณ สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 21 – 25 กุมภาพันธ์ 2560 ณ วัดฮงปอบซา จังหวัดปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีผู้นำองค์กรพุทธ พร้อมเครือข่ายผู้นำองค์กรพุทธได้ร่วมประชุมกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกการใช้มาตรา 44 ต่อวัดพระธรรมกาย นั้น
รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่า ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว ทราบว่า ประเด็นเรื่องวัดพระธรรมกายไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในวาระการประชุม Chairman of Standing Committee of The World Fellowship of Buddhist Youth (WFBY) ตั้งแต่ต้น โดยประธานองค์การ ยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ซึ่งเป็นผู้แทนฝ่ายไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เป็นผู้ยกประเด็นเรื่องวัดพระธรรมกายขึ้นในที่ประชุม โดยขอให้ที่ประชุมเห็นชอบและร่วมกดดันให้รัฐบาลไทยยกเลิก มาตรา 44 โดยที่ประชุมในฝ่ายผู้แทนพระและวัดของเกาหลีใต้ เห็นว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องภายในของประเทศไทย ดังนั้นการดำเนินการควรต้องเคารพและเป็นไปตามกระบวนการภายในและกฎหมายที่เกี่ยวข้องของไทย
นางลินนา กล่าวว่า การหารือเรื่องข้างต้นเป็นเพียงการหารือสั้น ๆ และภายหลังการประชุมไม่ได้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการประชุมหรือเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายแต่อย่างใด การประชุมดังกล่าวสิ้นสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และผู้เข้าร่วมการประชุมได้เดินทางกลับประเทศหมดแล้ว
รองอธิบดีกรมสารนิเทศ รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวชี้แจงถึงประเด็นที่ปรากฏในเฟซบุ๊คของ WFBY เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่ามีการสวดมนต์ ที่วัดฮงปอบซา เพื่อวิงวอนให้มีการยุติข้อขัดแย้งนั้น ว่า ตามปกติของวัด ฮงปอบซาจะมีการร่วมสวดมนต์เป็นพิเศษทุกวันที่ 1 ของปฏิทินจันทรคติ ซึ่งตรง กับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จึงมีการรวมตัวของพุทธศาสนิกชนเป็นจำนวนมากเพื่อสวดมนต์และร่วมฟัง พระธรรมเทศนาเป็นปกติ และจากการตรวจสอบทราบว่า ไม่ได้มีการเทศน์หรือสวดมนต์วิงวอนให้มีการยุติ ข้อขัดแย้งตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด
นางลินนา กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้มีหนังสือชี้แจงถึงมูลนิธิ Paramita Foundation วัดฮงปอบซา และวัดโชเกซา ซึ่งเป็นวัดหลักของนิกายโชเก ซึ่งเป็นนิกายมหายานที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเกาหลีด้วยแล้ว ซึ่งมูลนิธิและวัดดังกล่าวมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเป็นการดำเนินการตามกฎหมายภายในของไทยเพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป.-สำนักข่าวไทย