นนทบุรี 9 มี.ค-กระทรวงพาณิชย์จับมือกอรมน.คุมเข้มปราบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมเตรียมทำลายของกลางละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ล็อตใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ กว่า 3.6 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท มั่นใจปลดล็อกไทยจากบัญชี PWL
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า พอใจกับการปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในรอบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงคือห้างสรรพสินค้า MBK และตลาดโรงเกลือ เพราะการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าวลดลงถึงร้อยละ 80 หลังจากหน่วยงานต่าง ๆ คุมเข้มและปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ได้เข้าหารือกับเจ้าของพื้นที่ เข้มงวดไม่ต่อสัญญากับผู้ค้าที่จำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และได้รับความร่วมมืออย่างดี
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากว่าร้อยละ 90 เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ขนย้ายมาตามชายแดน ขณะเดียวกันรูปแบบการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยมีการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้นซึ่งทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาและหน่วยงานต่าง ๆ ได้มีการสุ่มตรวจตามไปรษณีย์ เพื่อปราบปรามและป้องกันการขนส่งสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งจากการตั้งคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานนั้น ทำให้การทำงานในการป้องปรามและปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นไปในเชิงรุกมากขึ้น
โดยปีที่ผ่านมาสามารถจับของกลางที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้ถึง 3.6 ล้านชิ้น ซึ่งเป็นปริมาณที่สามารถจับกุมได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ มูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท ประกอบด้วย เสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า นาฬิกา โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แผ่นซีดี/ดีวีดี แสดงให้เห็นถึงความเข้มงวดในการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่า จากการแก้ไขปัญหาของไทย ทั้งการปราบปราม การป้องปรามรณรงค์สร้างจิตสำนึก รวมถึงการแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ จะทำให้สหรัฐพิจารณาอันดับประเทศที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยปลดไทยออกจากบัญชีประเทศที่จับตามองเป็นพิเศษ หรือ PWL ในเดือนเมษายนนี้ แม้ว่าในขณะนี้ยังพบเห็นและการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อยู่บ้างแต่เป็นปริมาณที่ลดลง
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้(10 มี.ค.)จะมีพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว 2,368 คดี ที่ ลานอเนกประสงค์กองทัพภาคที่ 1 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ โดยมีพล.อ.ประวิตร เป็นประธาน ส่วนกรณีที่ขออำนาจในการใช้มาตรา 44 เพื่อจัดการกับสิทธิบัตรคงค้างของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กว่า 36,000 คำขอนั้น ขณะนี้ คสช.ยังอยู่ระหว่างพิจารณาในรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อป้องกันและเยียวยาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องสิทธิบัตรยา ที่เอ็นจีโอมีความเป็นห่วงและคัดค้านว่า หากมีการจดสิทธิบัตรยา จะทำให้ราคายาในประเทศแพงขึ้น แต่ราคายาที่อาจจะปรับสูงขึ้นไม่ใช่มาจากเรื่องของการจดสิทธิบัตรเท่านั้นแต่มาจากเรื่องของต้นทุนด้วย.-สำนักข่าวไทย