อธิบดีสรรพสามิตยืนยันโครงสร้างภาษีใหม่ไม่กระทบผู้บริโภค

กรมสรรพสามิต 28 ก.พ. – อธิบดีกรมสรรพสามิตยืนยันโครงสร้างภาษีใหม่ ขยับเพียงเพดานรองรับ 20 ปีข้างหน้า ส่วนอัตราจัดเก็บภาษีจริงต้องให้รัฐบาลแต่ละช่วงพิจารณา ยืนยันไม่ให้กระทบผู้บริโภคจากฐานปัจจุบัน


นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า  ร่าง พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ผ่านความเห็นชอบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว จะมีผลบังคับใช้ 180 วัน หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นกรมสรรพสามิตต้องทยอยเสนอกฎหมายลูกอีก 80 ฉบับ  เพื่อให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาอัตราจัดเก็บภาษีจริง หลังจากนั้นกรมฯ ต้องประกาศกฎหมายลูกอีก 80 ฉบับ  ยืนยันโครงสร้างภาษีใหม่ในการเสนอกฎหมายลูกจัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่ต้องปรับเปลี่ยนสินค้า 16 รายการ และบริการอีก 5 ประเภท  เป็นการปรับเพดานรองรับ  20 ปีข้างหน้า  ไม่ใช่เป็นการกำหนดอัตราภาษีที่ต้องจัดเก็บจริงในปัจจุบัน   เนื่องจากการจัดเก็บภาษีจริงต้องให้รัฐบาลบริหารแต่ละช่วงพิจารณาการจัดเก็บสอดคล้องกับค่าเงินบาท ค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ เพื่อให้สอดคล้องตามสถานการณ์แต่ละช่วง โดยที่ประชุม ครม.รัฐบาลปัจจุบันย้ำว่าโครงสร้างภาษีใหม่ต้องไม่กระทบผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าต่างจากปัจจุบัน

นายสมชาย  กล่าวว่า แนวคิดการกำหนดเพดานตามโครงสร้างภาษีใหม่ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฉบับปัจจุบันรอประกาศบังคับใช้  กำหนดสัดส่วนภาระภาษีใกล้เคียงกับภาระภาษีปัจจุบัน  เน้นการอำนวยความสะดวก ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ลดปัญหาการสำแดงราคานำเข้าจากต่างประเทศแตกต่างกัน มุ่งเน้นหลักการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ทั้งเรื่องแอลกอฮอล์  ระดับความหวานของสินค้า การปล่อยมลภาวะออกสู่ระบบ เช่น สุราราคาถูกและระดับแอลกอฮอล์สูงต้องมีภาระภาษีสูงขึ้น  สำหรับวิธีการคำนวณภาษีสำหรับสินค้าสุรา เบียร์ และไวน์ เน้นระบบแบบผสม  โดยเปลี่ยนแปลงรูปแบบเพียงเล็กน้อยจากวิธีปัจจุบัน คือ อัตราจัดเก็บใหม่เท่ากับอัตราตามมูลค่าบวกด้วยอัตราตามปริมาณ (ดีกรีแอลกอฮอล์)


ดังนั้น  โครงสร้างภาษีใหม่ ซึ่งได้เปลี่ยนฐานจากคำนวณราคาหน้าโรงงานหรือราคาขายส่งสุดท้าย  เปลี่ยนเป็นราคาขายปลีกแนะนำ  โดยราคาสินค้าปลีกแนะนำภาคเอกชนต้องแจ้งมายังกรมสรรพสามิต จากนั้นจะนำกฎหมายซึ่งกำหนดมาตรฐานในการคำนวณเข้าไปตรวจสอบว่าเอกชนได้ส่งราคาแนะนำมาให้ตรงตามข้อกำหนดหรือต่ำกว่าความจริงหรือไม่

สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมสรรพสามิตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สุรากลั่น มีระดับแอลกอฮอล์หรือปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ (ดีกรี) ตั้งแต่ 28-45 ดีกรี อีกประเภท คือ สุราแช่  ประกอบด้วย  เบียร์มีระดับแอลกอฮอล์ 3-7 ดีกรี ส่วนไวน์มีระดับแอลกอฮอล์ 13-17 ดีกรี  เมื่อสุราแช่ มีระดับแอลกอฮอล์ต่ำกว่าสุรากลั่น จึงกำหนดเพดานอัตราภาษีตามปริมาณสูงขึ้น  เช่น การกำหนดเพดานใหม่ ซึ่งเตรียมเสนอ ครม.พิจารณา เช่น  สุรากลั่น ปรับเพดานการคำนวณภาษีตามมูลค่าสินค้า จากเดิมร้อยละ 60 เหลือร้อยละ 30 ของมูลค่าสินค้า  ส่วนการคำนวณตามปริมาณ (ดีกรี) ปรับจาก 400 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อลิตร

ส่วนสุราแช่ (เบียร์ ไวน์) ปรับฐานคำนวณภาษีตามมูลค่าจากร้อยละ 50 ของมูลค่าสินค้า เหลือร้อยละ 30 ของมูลค่าสินค้า  สำหรับการจัดเก็บตามปริมาณ (ดีกรี) ปรับจาก 2,000 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น  3,000 บาทลิตร   ส่วนการจัดเก็บจริงต้องทยอยเสนอ ครม.พิจารณาอีกครั้ง และเพดานดังกล่าวใช้สำหรับการจัดเก็บในช่วง 20 ปี ไม่ใช่การจัดเก็บขณะนี้ ดังนั้น รายการสินค้าที่เป็นข่าวในปัจจุบันยังไม่เป็นความจริง เนื่องจากต้องใช้อัตราภาษีตามที่ ครม.เห็นชอบนำไปคำนวณตามจากฐานภาษี จึงไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกกระแสดังกล่าว


ส่วนสินค้าอื่นต้องเสียภาษีสรรพสามิต เช่น น้ำดื่มที่มีความหวานระดับสูง  มีความฟุ่มเฟือย กำหนดเพดานร้อยละ 30 ของมูลค่า ส่วนด้านปริมาณจัดเก็บ 20 บาทต่อลิตร  น้ำโซดา ถือว่าเป็นน้ำที่มีความฟุ่มเฟือย กำหนดเพดานร้อยละ 25 เพิ่มเป็นร้อยละ 30 ของมูลค่าสินค้า หรือด้านมูลค่า 20 บาทต่อลิตร ขณะที่ภาษีสรรพสามิตรถยนต์จัดเก็บตามการปล่อยมลภาวะ แต่จะไม่ให้มีภาระภาษีหรือราคารถยนต์เปลี่ยนไปจากเดิม และช่วยลดปัญหารถยนต์เขตฟรีโซนในปัจจุบัน  กรมสรรพสามิตจึงทยอยเสนอกฎหมายลูกให้เสร็จภายใน 6 เดือนหลังจากนี้ เพื่อทันกับการบังคับใช้ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิตและการกำหนดเพดานทุกประเภทได้หารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และเตรียมจัดทำหนังสือทั้งภาษาไทยและอังกฤษ  และจัดเวทีแจงรายละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อให้ทุกฝ่ายรับทราบแต่ช่วงนี้ต้องรอความชัดเจนการประกาศในราชกิจจานุเบกษา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]