พรรคชาติไทยพัฒนา 17 ก.พ.-อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา สนับสนุนกระบวนการสร้างความปรองดองของรัฐบาลและ คสช. ย้ำใช้หลักนิติธรรม คุณธรรม โปร่งใส และการมีส่วนร่วม มั่นใจ คสช.ปรองดองสำเร็จ วอนไม่ต้องรีบเลือกตั้ง
นายวราวุธ ศิลปอาชา พร้อมด้วย นายภราดร ปริศนานันทกุล นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา แถลงข่าว ภายหลังร่วมประชุมคณะอนุกรรมการรับฟังความเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เมื่อวานนี้ (16 ก.พ.)
โดยนายวราวุธ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่คำว่าการเลือกตั้ง แต่คือการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศ อีกทั้งหากอีก 10 ปีข้างหน้า ยังต้องมาคุยเรื่องปรองดองกันอีก ก็ยังไม่ต้องการให้รีบมีการเลือกตั้งโดยเร็ว โดยเรื่องนี้ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขณะนี้ยังมีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยังไม่ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมของพรรค ดังนั้น การให้ความเห็นต่อคณะอนุกรรมการฯ จึงไม่ใช่มติของพรรค แต่เป็นความเห็นส่วนตัว โดยหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาได้เสนอความเห็นตามหลัก 4 ด้าน คือ การสร้างความปรองดองต้องอาศัยหลักนิติธรรม คุณธรรม ความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งต้องมีความจริงใจในการทำงาน
ขณะที่นายภราดร กล่าวว่า หากมองย้อนไปในอดีต จะเห็นปัญหาเรื่องการตรากฎหมายที่เกิดข้อผิดพลาด จนทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยเรื่องการดำเนินการอย่างสองมาตรฐาน ซึ่งฝ่ายหนึ่งอาจคิดว่าได้ประโยชน์เนื่องจากอยู่ฝั่งขั้วอำนาจ และอีกฝ่ายหนึ่งคิดว่าตนเองอยู่ฝั่งตรงข้ามและรู้สึกเสียผลประโยชน์ ดังนั้นการสร้างความปรองดองต้องอาศัยหลักนิติธรรมและหลักคุณธรรมควบคู่กัน การดำเนินการต้องไม่สองมาตรฐาน ส่วนการออกระเบียบหรือกฎหมายต้องเท่าเทียมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นอกจากนี้ ต้องทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างความปรองดอง ไม่ใช่แค่เพียงฝ่ายผู้มีอำนาจไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีเท่านั้น เพราะการสมประโยชน์ของคู่กรณี อาจสร้างผลกระทบต่อประชาชน จึงต้องเปิดกว้างให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น ต้องให้คู่ขัดแย้งได้มีประเด็นที่ตกลงและหารือร่วมกัน ขณะเดียวกัน ในกระบวนการต้องเป็นรูปแบบที่ยืดหยุ่นกับประชาชนทุกฝ่ายด้วย
ด้านนายสิริพงศ์ ยังกล่าวถึงประเด็นเรื่องการนำเสนอแนวทางด้านความเหลื่อมล้ำว่า ทางพรรคได้เสนอเรื่องที่ทำกินเพื่อเกษตรกร ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน และเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีเจ้าภาพหลักที่แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ ขณะที่ประเด็นเรื่องการจัดเก็บภาษีที่ดิน แม้จะแก้ปัญหาได้บ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด และอาจจะยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำได้ ดังนั้นรัฐบาลควรหันมามองว่าที่ดินที่เป็นของนายทุนนั้น จะนำมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ส่วนการบริหารจัดการน้ำและไฟฟ้าเพื่อการเกษตร ต้องดูความต้องการของแต่ละพื้นที่และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจขนาดเล็ก
ส่วนนายกรวีร์ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นนับหนึ่ง ซึ่งถือเป็นบรรยากาศแลกเปลี่ยนที่ดี ยอมรับว่า ดีใจที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพหลักสร้างสมานฉันท์ ทั้งนี้ การรับฟังความเห็นของประชาชนในแต่ละภูมิภาคนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี และเชื่อว่าเป็นจังหวะที่ดีที่รัฐบาลและ คสช.เป็นเจ้าภาพหลักในขณะนี้ เนื่องจากหากพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใดมาเป็นเจ้าภาพ จะมีคำครหาจากสังคมหรือฝ่ายตรงข้ามว่าทำเพื่อจุดประสงค์ใด ดังนั้นพรรคชาติไทยพัฒนาจึงพร้อมสนับสนุนกระบวนการสร้างความปรองดองครั้งนี้ พร้อมเชื่อว่า คสช.จะสามารถสร้างความปรองดองได้สำเร็จ เพราะมีเครื่องมือ กฎหมาย และกฎระเบียบ รวมถึงความร่วมมือจากประชาชน.-สำนักข่าวไทย