ผู้ตรวจระบุแม้ไม่มีอำนาจสอบจริยธรรมแต่เรื่องร้องเรียนจะไม่ลดลง

S__19202092สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 30 ธ.ค.-พล.อ.วิทวัสเชื่อแม้ผู้ตรวจฯไร้อำนาจสอบจริยธรรม ไม่ทำให้เรื่องร้องเรียนลดลง แต่เปิดกว้างให้เอาผิดทางอาญาได้ ไม่ใช่เสือกระดาษ


พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์  ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฎิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน  กล่าวว่า พอใจการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ในรอบปีที่ผ่านมา  โดยตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2558ถึงต้นเดือนตุลาคม 2559 มีเรื่องร้องเรียน 7,000เรื่อง โดย 4,000 เรื่องเป็นการรับคำร้องใหม่  และ 2,000 – 3,000 เรื่อง เป็นเรื่องที่ค้างการพิจารณาจากปีก่อน  ซึ่งการทำงานของผู้ตรวจการฯ หลายเรื่องที่ผ่านมาสามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้พอสมควร  เช่น กรณีพิพาทเรื่องกรมธนารักษ์ประกาศเวนคืนที่ดินรอบคูเมืองเชียงใหม่  ซึ่งกระทบสิทธิของประชาชน กรณีการเวนคืนที่ดินก่อสร้างทางพิเศษบางประอิน-นครราชสีมา และการแก้ไขปัญหาจำหน่ายสินค้าและอาหารที่มีราคาแพงในสนามบินดอนเมืองและสุวรณภูมิ  ซึ่งกรณีดังกล่าวคาดว่าจะได้ข้อยุติ  และจะลงพื้นที่อีกครั้งในเดือนมกราคม 2560

พล.อ.วิทวัส  กล่าวว่า ผู้ตรวจการฯ ได้เตรียมเรื่องการปรับองค์กรเพื่อรองรับกับภารกิจตามรัฐธรรมนูญใหม่  ที่กำหนดให้ผู้ตรวจการฯ มีภารกิจใน 3 ด้าน  คือ 1.ตรวจสอบว่าหน่วยงานรัฐใดปฎิบัติตนไม่เหมาะสมกับประชาชน   ไม่ก่อให้เกิดภาระกับประชาชน    2.มีหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงกรณีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากหน่วยงานรัฐ ที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย หรือปฎิบัติเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด และ 3. ให้จัดทำข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) หากหน่วยงานรัฐยังปฎิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วนตามหมวด 5 ว่าด้วยหน้าที่ของรัฐ  ที่มีทั้งหมด 13 เรื่อง  อาทิ  การศึกษา สิ่งแวดล้อม การรักษาพยาบาล  การป้องกันและปราบปรามการทุจริต  การมีกองกำลังทหารเพื่อรักษาอธิปไตย   การสื่อสารโทรคมนาคม    ซึ่งทางผู้ตรวจการฯ ได้ยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าผู้ด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินเสร็จสิ้นแล้ว


“ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนของผู้ตรวจการแผ่นดินกว่าร้อยละ 95  ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการในการแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน  มีเพียงร้อยละ 5 ที่หน่วยงานราชการดื้อดึงขัดขืน  หลีกเลี่ยง ซึ่งเห็นว่าถ้าไม่แก้ไขจะนำมาสู่จุดเสื่อม  ลดทอนความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ  ข้อเสนอของผู้ตรวจการฯ มีไปยังหน่วยงานรัฐเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน  ควรจะมีมาตรการบังคับเพื่อให้หน่วยงานนั้นปฎิบัติตาม   จึงได้เสนอไว้ในร่างกฎหมายลูก  ว่าถ้าเรามีเรื่องเสนอไปให้หน่วยงานรัฐแล้ว หากไม่ปฎิบัติตามสามารถเสนอต่อครม.ต่างจากของเดิมที่ส่งรายงานต่อสภาเท่านั้น” พล.อ.วิทวัส กล่าว

พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า หากส่งไปแล้วหน่วยงานมีความเห็นต่างจากผู้ตรวจการฯ สามารถตั้งคณะกรรมสองฝ่ายเพื่อหาข้อยุติร่วมกันก่อน  หรือถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เราเสนอไปยังครม.แล้วครม.ดองเรื่อง อาจถือได้ว่าครม.กระทำการขัดมาตรา 157 ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ผู้ตรวจการฯสามารถส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. เพื่อไปสู่ขั้นตอนการถอดถอนได้  ซึ่งถ้ากรธ.เห็นด้วยความข้อเสนอดังกล่าว จะทำให้ข้อครหาที่ว่ผู้ตรวจการแผ่นดินคือเสือกระดาษหมดไป ที่เราเสนออย่างนี้เพราะอยากให้ประชาชนมั่นใจ ว่ามีหลักประกันว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข

พล.อ.วิทวัส  กล่าวว่า เสนอให้ผู้ตรวจการฯ มีอำนาจสั่งคุ้มครองชั่วคราว เช่น หากมีผู้มาร้องและผู้ตรวจการฯลงพื้นที่แล้วไม่ระงับยับยั้ง แล้วจะเกิดความเสียหาย  สามารถให้ระงับโครงการไว้ก่อนได้เป็นเวลา 30 วัน   แต่อำนาจดังกล่าวจะไม่ใช้ในทุกกรณี จะใช้เมื่อจำเป็นและมีความเสียหายเกิดขึ้น


พล.อ.วิทวัส  กล่าวว่า หากรัฐธรรมนูญใหม่มีผลบังคับใช้ ผู้ตรวจการฯ จะไม่มีอำนาจตรวจสอบเรื่องจริยธรรม  แต่เชื่อว่าเรื่องร้องเรียนจะไม่ลดน้อยลง เพราะเมื่อรัฐมีโครงการที่จะช่วยประชาชนมากขึ้น เช่น  โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ที่รัฐบาลต้องการความมั่นคงด้านพลังงาน  แต่คนในจังหวัดกระบี่อยู่ได้ด้วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงไม่ต้องการมลพิษ  จึงเป็นเรื่องที่ต้องสร้างความสมดุล  คิดว่ากลไกลของผู้ตรวจการฯ ต้องเข้าไปสร้างสมดุล เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบสิทธิของประชาชน

“การทำงานในอนาคตของผู้ตรวจการฯ การมีข้อเสนอแนะต่อหน่วยงาน และ ครม.จะไม่ใช่ข้อเสนอในเชิงวิชาการ แต่ต้องเป็นข้อเสนอที่ทำให้หน่วยงานของรัฐไม่สร้างปัญหาให้กับประชาชน   ที่ผ่านมาในกฎหมายเดิมผู้ตรวจไม่เคยใช้อำนาจทางอาญากับหน่วยของรัฐ   แต่ต่อไปคิดว่าอาจมีความจำเป็น  จริงอยู่ที่โทษอาญาเป็นโทษเพียงเล็กน้อย แต่คิดว่าถ้าหากองค์กรไหนถูกลงโทษ จะกระทบต่อเกียรติภูมิ  ซึ่งการเป็นหน่วยงานราชการ การกระทบต่อเกียรติภูมิเป็นเรื่องที่น่าละอายขององค์กร” พล.อ.วิทวัส กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

บุกจับกำนันหญิงแหนบทองคำ ฉ้อโกง 41 ล้าน

ตำรวจพิษณุโลกเปิดปฏิบัติการ “หักขาไก่” นำ 10 หมายจับ รวบตัว “กำนันหญิงแหนบทองคำ” ประธานกองทุนหมู่บ้าน กับคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลังชาวบ้าน 140 ราย แจ้งความ มูลค่าความเสียหาย 41 ล้านบาท

ชาวเมียวดีหวั่นถูกตัดไฟฟ้า เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์

ชาวบ้านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก หวั่นไทยตัดไฟฟ้า กระทบวงกว้าง เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์-เครื่องปั่นไฟ รับมือ ด้าน PEA ชี้ตัดไฟเมียนมาอาจสูญเปล่า หากไม่พิจารณาให้ครบถ้วน

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วนักโทษหนีเรือนจำนนทบุรี จนมุมที่ จ.ชลบุรี

จับได้แล้วนักโทษชายหนีเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ระหว่างออกกองงานภายนอก จนมุมที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี

ตัดไฟ 5 จุดชายแดนเมียนมา วันแรก กระทบชาวบ้านหลายหมื่นคน

หลังทางการไทยตัดไฟฟ้าที่เชื่อมโยงไปยังเมืองเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ส่งผลชาวบ้านแห่กักตุนน้ำมัน โรงพยาบาลเมียวดีได้รับผลกระทบในการเก็บเวชภัณฑ์ที่ต้องใช้ตู้แช่

ตร.ปัตตานีเร่งล่า 6 คนร้ายควงปืนปล้นร้านสะดวกซื้อ

อุกอาจ 6 คนร้าย พร้อมอาวุธมีด-ปืน ยกพวกปล้นร้านสะดวกซื้อใน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินไป 4,492 บาท ตำรวจเร่งไล่กล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนี

นายกฯ​ ยกคณะเยือนจีน หารือความร่วมมือรอบด้าน

นายกรัฐมนตรี​ ยกคณะเยือนจีนอย่างเป็นทางการ หารือความร่วมมือรอบด้าน แก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ย้ำไทยปลอดภัย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนตลอดปี สานต่อ​รถไฟความเร็วสูง-แลนด์บริดจ์ ขณะที่เตรียมรับแพนด้ายักษ์คู่ใหม่​ และจะไปให้กำลังใจนักกีฬาไทยแข่งเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว