รัฐสภา – มีชัย มั่นใจการเมืองปี 2560 คึกคัก หลังกม.ลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งเสร็จ รับเลือกตั้งขยับ1-2 เดือน เชื่อหลังปลดล็อกทำกิจกรรมทางการเมืองไม่วุ่นวาย
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ประเมินสถานการณ์บรรยากาศการเมืองในปี 2560 ว่า เมื่อรัฐธรรมนูญใหม่มีผลใช้บังคับแล้ว ก็จะเริ่มกระบวนการจัดทำกฎหมายลูกของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเมื่อแล้วเสร็จ การเมืองจะเริ่มคึกคักขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้วเสร็จ พรรคการเมืองก็จะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎหมายลูกที่ออกมาใหม่ ซึ่งมีบางเรื่องเปลี่ยนแปลง เช่นเรื่องค่าสมาชิกพรรค การเลือกตั้งกรรมการบริหาร การตรวจสอบการมีอยู่ของสมาชิกพรรค เรื่องทุนสำรอง และจัดทำข้อบังคับใหม่ให้สอคล้องกับกฎหมายที่ออกมา และเมื่อกฎหมายลูก 2 ฉบับแรกเรียบร้อย จะทำให้การเมืองเริ่มคึกคักเริ่มเห็นโฉมหน้าพรรคการเมืองใหม่ และเมื่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เข้าสู่การพิจารณาของสนช. ระยะเวลาที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งก็จะเริ่มขึ้น
“การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 2560 หรือไม่ เรื่องระยะเวลาหลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐบาลพยายามทำให้ได้ในโรดแมป แต่อาจเร็วหรือช้าไปบ้างบวกลบ 1-2 เดือน แต่ทุกคนยังคงยึดโรดแมป แต่ปี 2560 จะเป็นปีที่การเมืองเริ่มคึกคักขึ้น”นายมีชัย กล่าว
ประธาน กรธ. กล่าวถึงความจำเป็นที่จะปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง ว่า เป็นเรื่องที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะไปพิจารณาว่าจะทำอย่างไร และเชื่อว่าเมื่อปลดล็อกแล้ว คงไม่มีความวุ่นวาย ถ้าทุกคนเดินตามกติกา อีกทั้ง คสช. ยังมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง คาดหวัง ว่าการเมืองใหม่ภายใต้กฎหมายใหม่ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่าเดิม โดยเฉพาะเรื่องจุดอ่อนประชาธิปไตยไทย ขณะที่องค์กรอิสระเช่น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีบทบาทมากขึ้นในการไปตรวจสอบสอดส่องดูแลได้เอง โดยไม่ต้องรอให้มีผู้ร้อง และหวังว่าคนที่ไม่นิ่งดูดายจะมีส่วนรวมช่วยกกต. ตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นไปตามนั้นการเมืองจะค่อยพัฒนาไปสู่จุดที่ทุกคนพอใจพอสมควร แต่ไม่ 100 % รัฐธรรมนูญใหม่ คงไม่สามารถพลิกโฉมการเมืองไทยได้ทันทีแต่จะทำให้อยู่กับร่องกับรอยมากขึ้น และเพื่อประชาชนเป็นหลัก .-สำนักข่าวไทย