รองนายกฯแนะเอกชนปรับใช้ทศพิธราชธรรมในการทำธุรกิจ

กรุงเทพฯ 23 พ.ย. – รองนายกรัฐมนตรี แนะ ภาคธุรกิจนำหลักทศพิธราชธรรมมาปรับใช้ ขณะที่เอกชน ห่วงความผันผวนเศรษฐกิจโลกสูง จากนโยบายของ”โดนัลด์ ทรัมป์ “

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ทศพิธราชธรรม นำทาง ราษฎร์ – รัฐ” ในงานสัมมนา ภูมิทัศน์ใหม่เศรษฐกิจไทย  ว่า ทศพิธราชธรรมเป็นคุณธรรมของพระราชา ผู้ปกครอง ข้าราชการ นักธุรกิจ และประชาชน  10 ประการ ประกอบด้วย 1.ทาน 2. ศีล 3. บริจาค 4.ความซื่อสัตย์สุจริต 5. ความสุภาพอ่อนโยน  6.ความอดทน 7. ความไม่โกรธ 8. การไม่เบียดเบียนว่าร้าย  9.ความอดกลั้น 10. การรักษากฎเกณฑ์กติกาอย่างเคร่งครัด  โดยทศพิธราชธรรมคือหลักธรรมที่ทุกคนต้องปฏิบัติ และนำมาปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง โดยในส่วนของภาคธุรกิจ และ ภาคประชาชนนั้น คือ การทำธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล,บรรษัทภิบาล การทำกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของทศพิธราชธรรม ซึ่งการปฏิบัติตามทศพิธราชธรรม จะทำให้เกิดความสุขทั้งในการทำงาน หรือการดำรงชีวิต

นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าการเลือกตั้งตามโรดแม็ปที่วางไว้ในปี 2560  ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญที่ต้องมีการประกาศใช้ฉบับใหม่ และมีกฏหมายอีกจำนวนมากที่กำลังรอการพิจารณา ดังนั้นภาคเอกชนควรกำหนดทิศทางธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า และให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศไทย

ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย  บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ( ประเทศไทย )  จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลก และการลงทุนในปี 2560 มีความผันผวนสูงมาก เพราะยังมีความไม่แน่นอนสูงจากปัจจัยต่างประเทศ  ต้องเริ่มระวังวิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยให้จับตาภาระหนี้ของจีน ที่มีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นเกินมาตรฐาน โดยความท้าทายของเศรษฐกิจในปี 2560 คือผลกระทบจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ใช้นโยบายกีดกันทางการค้า เศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่ยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดหวัง  ความผันผวนของตลาดการเงินที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามาก และเงินหยวนถูกกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำนานเกินไปทำให้เกิดการบิดเบือนตลาดการเงิน

ส่วนในงานเสวนา “ภูมิทัศน์ใหม่ เศรษฐกิจไทย” นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าว ว่า ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งจากกรณีสหราชอาณาจักร ลงมติออกจากสหภาพยุโรป ( Brexit) การเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลัง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี และนโยบายกีดกันทางการค้า จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ส่งผลให้การส่งออกไทยยังไม่สดใส แต่การส่งออกไทยปี 2560 จะกลับมาขยายตัวร้อยละ 0.8 จากปีนี้หดตัวร้อยละ 0.5

ส่วนกรณีที่ผู้นำสหรัฐคนใหม่ยกเลิกข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ ทีพีพี มองว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมบางประเภทของไทย เช่น อุตสาหกรรมยา ที่จะไม่มีการแทรกแซงจากสหรัฐฯ ทำให้สามารถแข่งขันได้อย่างเต็มศักยภาพ

ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. กล่าวว่า ทิศทางพลังงานโลกกำลังมุ่งสู่ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี โดยคาดว่าภายใน 7-8 ปี ต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่จะลดลงถึง 3 เท่า ขณะที่จะมีความจุเพิ่มขึ้น 3-4 เท่า ซึ่งล่าสุดบริษัท เทสลา มอเตอร์ส ผู้ผลิตรถอีวีรายสำคัญ ประกาศว่าในปี 2020 ต้นทุนการพัฒนาแบตเตอรี่จะปรับลดลงจนถึงจุดคุ้มทุน ทำให้รถอีวีสามารถแข่งขันกับรถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงได้ในเชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งคาดการณ์ราคาน้ำมันปีหน้าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากขณะนี้อยู่ที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพราะความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ร้อยละ 2-3 .- สำนักข่าวไทย