กรุงเทพฯ 26 พ.ย. ดีอีเอส ชู Gov Cloud 2020 แสดงศักยภาพคลาวด์กลางภาครัฐ ขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลยกระดับการให้บริการประชาชน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวในโอกาสที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงาน“Gov Cloud 2020” The Future of Digital Government ว่า ความสำเร็จเบื้องต้นของการพัฒนาบริการคลาวด์ภาครัฐเป็นที่น่าพอใจ โดยจำนวนหน่วยงานที่ใช้งาน Gov Cloud เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ระบบของหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งได้เริ่มมีการใช้งานจริงในการแก้ไขปัญหาและให้บริการต่างๆ โดยหน่วยงานที่ใช้ระบบคลาวด์ GDCC ในการพัฒนาระบบงานและเพิ่มประสิทธิภาพบริการประชาชนได้เข้ารับมอบโล่เกียรติคุณจากนายกรัฐมนตรีในงาน Gov Cloud 2020 ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) พัฒนาระบบ EEC-OSS โดยเป็นช่องทางคัดกรองและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุน สามารถเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำด้วยบริการแบบ One-Stop Service กรมการขนส่งทางบก ผลงาน ‘Smart Bus Terminal’ ระบบติดตามรถโดยสารประจำทาง แสดงตารางการเดินรถแบบเรียลไทม์ของสถานีขนส่ง 81 แห่งทั่วประเทศ ผ่าน GPS Tracking ที่ติดตั้งบนรถโดยสารประจำทางทุกคันสามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทางได้ตลอดเวลา
ตำรวจภูธรภาค 8 พัฒนาระบบโครงการภาค 8 “4.0” ในแอปพลิเคชัน POLICE 4 ด้วย 4 ฟังก์ชั่นที่โดดเด่น คือCrime Mapping แผนที่อาชญากรรมหลายมิติ, CCTV Mapping แผนที่กล้องวงจรปิดทุกตัว, Red Box QR Code ใช้แทนสมุดตรวจแบบเดิม และ Stop Walk Talk and Report ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่แบบเรียลไทม์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พัฒนาระบบ Digital Healthcare Platform เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลสาธารณสุขซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกระบบที่เกี่ยวกับผู้ป่วยโควิด-19 มาไว้ส่วนกลาง ทำให้สามารถจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน จัดตั้งศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติ หรือ NEIC (National Energy Information Center) ซึ่งเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยน เชื่อมโยง บูรณาการและเผยแพร่ข้อมูลด้านพลังงานให้กับทุกภาคส่วน เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์ คาดการณ์ด้านพลังงานได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า ระบบคลาวด์กลางหรือ Gov Cloud จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านไอทีให้กับรัฐบาลเพื่อก้าวสู่การทำงานแบบรัฐบาลดิจิทัลตามแผน โดยปี 2563 ได้เน้นบริหารจัดการ Cloud Infrastructure เพื่อให้บริการทรัพยากรระบบคลาวด์แก่หน่วยงานรัฐซึ่งล้วนมีความตื่นตัวกับเทคโนโลยีและให้ความสนใจอย่างมากในการนำระบบงานมาใช้บนคลาวด์กลาง ภายในปี 2564 มุ่งสู่การสร้างบริการระดับแพลตฟอร์มที่ทุกหน่วยงานสามารถเชื่อมต่อกันได้ จากนั้นปี 2565 โฟกัสการขยายผลการใช้ AI ในด้านเกษตรกรรม และด้านอื่น ๆ รวมทั้งการนำร่องระบบ Data Sharing มีการแบ่งปันข้อมูลข้ามหน่วยงานผ่านแพลตฟอร์มกลางเพื่อขยายผลนำไปสู่การใช้ AI และ IoT ในวงกว้าง และภายในปี 2566 มุ่งสู่การขับเคลื่อนนโยบายการให้บริการข้อมูลภาครัฐแบบเปิดในรูปแบบGovernment as a Platform ที่มีการบูรณาการข้อมูลร่วมกันด้วยแพลตฟอร์ม มุ่งไปสู่การให้บริการภาครัฐแบบเปิดอย่างแท้จริง
ทิศทางการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ ในระยะต่อไป ใน ปี 2564 มุ่งสู่การเป็น Platform ที่ทุกหน่วยงานสามารถเชื่อมต่อกันได้ โดยจะมีการขยายการใช้งานในหน่วยงานภาครัฐ และมีการขยายผลการใช้ AI ในด้านเกษตรกรรมและด้านอื่น ปี 2565 มุ่งสู่การนำร่องระบบ Data Sharing มีการแบ่งปันข้อมูลข้ามหน่วยงาน ด้วยการสร้าง Platform เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้ง ขยายผลนำไปสู่การใช้ AI และ IoT ในวงกว้าง และภายในปี 2566 มุ่งสู่การขับเคลื่อนนโยบายการให้บริการข้อมูลภาครัฐแบบเปิดในรูปแบบ Government as a Platform ที่มีการ บูรณาการข้อมูลร่วมกันด้วย Platform เดียวกัน มุ่งไปสู่การให้บริการภาครัฐแบบเปิดอย่างแท้จริง GDCC จึงเป็นโครงการสำคัญที่จะสนับสนุนการปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยพัฒนาและให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์กลางภาครัฐ พัฒนาบุคลากรผลักดันและสนับสนุนการบูรณาการและเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเป็นการส่งเสริมนโยบายการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) อันจะนำไปสู่การทำให้รัฐบาลเป็นGovernment as a Platform ผ่านการทำ Government Cloud หรือการบูรณาการเชื่อมต่อข้อมูลเปิดภาครัฐข้ามหน่วยงานอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งจะเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลของประเทศให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลต่อไป
นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กล่าวว่า Gov Cloud ได้รับการตอบรับจากหน่วยงานภาครัฐเกินคาดหมาย จากความตื่นตัวของภาครัฐในการให้บริการประชาชนผ่านระบบดิจิทัล หลังจากโครงการ Gov Cloud เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2562 ได้มีหน่วยงานรัฐเข้าใช้งานระบบเต็มจำนวนในเฟสแรกโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการโอนย้ายระบบงานขึ้นสู่เซิร์ฟเวอร์เสมือน (Virtual Machine) 21,000 VM จำนวนนี้รวมถึงหน่วยงานต่างๆที่ใช้งานระบบ G-Cloud ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) ที่ต้องโอนย้ายระบบงานทั้งหมด 3,500 VM มายัง Gov Cloud และยังคงมีคำขอเข้าใช้ระบบในคิวเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดคำขอใช้บริการรวม 472 หน่วยงาน รวม 1,570 ระบบงาน หรือประมาณ 24,118 VM ซึ่งเกินกว่าที่โครงการได้จัดเตรียมไว้ สดช. จึงมีแผนขยายโครงการในเฟส 2 เพิ่มจำนวนเซิร์ฟเวอร์เสมือนเพื่อรองรับความต้องการของหน่วยงานรัฐที่รอใช้ระบบ ซึ่งตามแผนได้มีการกำหนดให้บริการหน่วยประมวลผลรวม 32,000 VM ภายในปี 2563 พร้อมกับเน้นการสร้างบุคลากรไอทีภาครัฐให้มีทักษะด้านคลาวด์คอมพิวติ้งด้วยหลักสูตร GOCC โดยที่ผ่านมาได้จัดอบรมแล้ว 4 รุ่น พัฒนาเจ้าหน้าที่ไอทีภาครัฐกว่า 500 คน ให้สามารถบริหารระบบคลาวด์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ Gov Cloud ให้บริการหน่วยงานภาครัฐทั้งในระดับ cloud infrastructure ด้วยมาตรฐานการคัดแยกข้อมูล หรือdata classification ที่ออกแบบรองรับการนำข้อมูลมาบูรณาการในอนาคต หรือ data sharing ระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน รวมถึงต่อยอดการจัดการกับ big data พร้อมเปิด open data ข้อมูลบางส่วนให้เอกชนและประชาชน รวมถึงสตาร์ตอัพได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูล
สำหรับการทำ data sharing เปิดเผยแชร์ใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ (pilot 15 datasets) ได้เริ่มระบบนำร่องแล้วซึ่งแต่ละปีจะมี data set เพิ่มขึ้น และปีหน้าจะมุ่งผลักดันการทำ data sharing ระหว่างหน่วยงานหลักๆ เนื่องจากในปัจจุบันมีกฎหมายที่ออกมารองรับการใช้ข้อมูลร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐแล้ว โดยเฉพาะ พ.ร.บ. การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการที่สำคัญ