กรุงเทพฯ 25 พ.ย. เอ็นไอเอ เปิดแนวทางเฟ้นหานวัตกรรมจากไอเดียสตาร์ทอัพต่อยอดสู่การใช้งานจริงรับมือ 4 แนวโน้มปัญหาสังคมเมืองและชุมชนปี 64
นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของสังคมเมืองและชุมชน ส่งผลให้แต่ละปีประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไป NIA จึงมีการศึกษาและวิเคราะห์แนวโน้มปัญหาที่จะเกิดขึ้น พร้อมคาดการณ์อนาคต (Foresight) เพื่อวางแผนรับมือใน 4 ปัญหาหลัก ได้แก่ ปัญหาจากผลกระทบการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจการจ้างงาน รวมถึงการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านมาชี้ให้เห็นแล้วว่าระบบดังกล่าวยังไม่สามารถตอบสนองกับภาวะฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที และมีความเหลื่อมล้ำในการเข้ารับการรักษา และสวัสดิการทางสังคม ปัญหาสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของคนในสังคม โดยให้ความสำคัญและพยายามหาแพลตฟอร์มนวัตกรรมขึ้นมารองรับเพื่อสร้างความประนีประนอม และการสร้างพื้นที่ให้ประชาชนได้ร่วมแสดงออกความเห็นในเชิงสร้างสรรค์
ปัญหาความเท่าเทียมทางเพศ โดยมุ่งวางแผนสำหรับดึงศักยภาพของกลุ่ม LGBTQA+ ออกมาให้คนในสังคมได้รับรู้ในมิติที่หลากหลายมากกว่าเรื่องเพศ รวมถึงการหาบริการและผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของเพศที่หลากหลาย และปัญหาเกี่ยวกับกลุ่มคนเปราะบาง อาทิ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือ ผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรจะได้รับ การบริการที่ดีจากภาครัญ การเข้าสู่ระบบแรงงานที่เป็นธรรม การยอมรับจากสังคมของผู้ที่เคยก้าวพลาด
นายพันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า เพื่อรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นเอ็นไอเอได้ทำโครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน 2564 หรือCITY & COMMUNITY INNOVATION CHALLENGE 2021 จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 มีเป้าหมายในการเฟ้นหานวัตกรรมที่สามารถผลักดันไปสู่การใช้งานจริง เพื่อตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาในประเด็นท้าทายที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของเมืองและชุมชน โดยเปิดรับข้อเสนอแนวคิดการพัฒนาในหลากหลายมิติ จากนั้นจะพิจารณาคัดเลือกแนวคิดที่ดีและมีโอกาสในการขยายผลได้จริง เพื่อรับการสนับสนุนเงินทุนสำหรับไปดำเนินการจริงในพื้นที่ และเมื่อดำเนินโครงการนำร่องแล้วเสร็จ สามารถขยายผลแนวคิด เทคโนโลยี โอกาสทางสังคม และธุรกิจไปยังพื้นที่อื่นต่อไปได้ โดยที่ผ่านมาสนับสนุนไปแล้วทั้งสิ้น 36 โครงการ มูลค่าการสนับสนุน 38.92 ล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนกว่า185.38 ล้านบาท
สำหรับหัวข้อที่เปิดรับสมัครในปี 2564 นี้ มุ่งเน้นใน 3 เรื่อง คือ 1.การฟื้นฟูผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งประกอบด้วยนวัตกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน การสร้างสวัสดิการสังคม การเข้าถึงบริการสาธารณะ การเงินและเสินเชื่อ และการดูแลกลุ่มผู้เปราะบาง 2.แพลตฟอร์มธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมประกอบด้วยแพลตฟอร์มด้านการศึกษา การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน นวัตกรรมภาครัฐ การทำเกษตรอย่างยั่งยืน การดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และ 3.มิติปัญหาสังคมอุบัติใหม่ในเมือง ไม่ว่าจะเป็นนัวตกรรมเพื่อการสร้างสันติภาพและการแก้ปัญหาความรุนแรง การแก้ปัญหาอาชญากรรม การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศการเคลื่อนย้ายของแรงงาน และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในเมือง
“ปัจจุบันมีผู้สนใจส่งแนวความคิด (Concept Idea) เพื่อขอรับการสนับสนุนจากโครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน ปี 2564 จำนวน 218 ไอเดีย ซึ่งหลังจากนี้ NIA จะพิจารณาคัดเลือกเพื่อนำแนวคิด มาพัฒนาต่อยอดให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง และก่อให้เกิดประโย์ชน์ต่อสังคม ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่านวัตกรรมที่มีอยู่ขณะนี้ รวมถึงนวัตกรรมที่จะส่งเสริมต่อไปในอนาคต จะสามารถรองรับปัญหาใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งยังสามารถช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชน และปูทางให้เกิดผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมรวมถึงสตาร์ทอัพที่มีความสนใจให้การทำธุรกิจเพื่อสังคมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ ยังจะเป็นตัวแปรให้เกิดผู้ริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรม หรือผู้นำการเปลี่ยนแปลงในหลากหลายบริบทของสังคม และทำให้ทั่วโลกได้เห็นถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะมาช่วยยกระดับความเป็นอยู่ในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายได้อย่างดีเช่นเดียวกัน” นายพันธุ์อาจ กล่าว-สำนักข่าวไทย.