รร.แชงกรี-ลา 25 พ.ย. – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานประชุมหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) โดยยืนยันกับนักลงทุนต่างประเทศ ว่า รัฐบาลพร้อมเดินตามโรดแมพที่กำหนดไว้ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยและเมื่อมีกษัตรย์องค์ใหม่ปกครองประเทศจะมีการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจทุกด้านเหมือนเดิมผ่านการวางแผนพัฒนาประเทศระยะ 20 ปี โดยน้อมนำปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้พัฒนาประเทศ เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นสามารถวางแผนลงทุนระยะ 5-10 ปีในประเทศไทย
ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามดูแลให้เศรษฐกิจไทยทุกภาคส่วนสมดุล การส่งเสริมปัจจัยรองรับระหว่างกัน ที่ผ่านมาไทยติดปัญหากับดักรายได้ปานกลาง จึงมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ เพื่อขยายออกไปภายนอก จึงขอให้นักลงทุนต่างชาติช่วยทั้งด้านภายในและภายนอกประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เนื่องจากไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางภูมิภาค พร้อมร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาภูมิภาคผ่านการเดินหน้านโยบายไทยแลนด์ 4.0 จึงต้องการดึงต่างชาติเข้ามาร่วมกันพัฒนาประเทศด้วยการเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล วางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปี 2560 การดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งด้านไบโอชีวภาพ การบิน การแพทย์ครบวงจร หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเดินหน้าพัฒนารถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าเชื่อมกรุงเทพฯ ปริมณฑล การพัฒนาสนามบิน มอเตอร์เวย์รองรับการขยายตัวของเมืองหลัก เพื่อเชื่อมกับเมืองหลักในประเทศเพื่อนบ้าน และการเพิ่มอันดับอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ ผ่านการจัดทำบัญชีเดียวของเอสเอ็มอี การรวมกลุ่มคลัสเตอร์ อำนวยความสะดวกการยื่นขอใบอนุญาตต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติ การผลิตแรงงานฝีมือ การสร้างชุมชนให้เข้มแข็งลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม การส่งเสริมสินค้าเกษตรให้มีมาตรฐานสากล ส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อขายสินค้าเกษตรแปรรูปผ่านออนไลน์ การสร้างเมืองนวัตรกรรมอาหาร พร้อมทบทวนกฎหมายทุก 5 ปี โดยเฉพาะกฎหมายล้มละลายหรือกฎหมายด้านเศษฐกิจ เพื่อให้เกิดความทันสมัย อำนวยความสะดวกการลงทุน ผลักดันให้เศรษฐกิจเข้มแข็งรองรับระยะยาว
ขณะที่ JFCCT เสนอให้รัฐบาลแก้ไข พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าวปี 2551 เนื่องจากบังคับใช้มาเป็นเวลานาน เมื่อต่างชาติเข้ามาประชุมคณะกรรมการบริษัท การเข้ามาตรวจงบการเงิน กฎหมายไทยยังถือว่าเข้ามาทำกิจกรรมดังกล่าวต้องขอใบอนุญาตทำงาน (Work permit) จึงเสนอให้รัฐบาลแก้ไขกิจกรรมลักษณะเดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวกกับนักลงทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย