กรุงเทพฯ 18 มิ.ย. – ตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้ำเริ่มใช้ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. ช่วยลดความผันผวน คุม Short Selling สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน หลายมาตรการปรับไทม์ไลน์ให้เหมาะสม
นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กร และกำกับองค์กร ในฐานะโฆษก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการเพิ่มเติมเพื่อยกระดับความเชื่อมั่น ลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์ โดยล่าสุดบอร์ดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เห็นชอบทบทวนหลักทรัพย์ที่ Short Selling หรือการยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในช่วงที่ดัชนีอยู่ในทิศทางขาลง ซึ่งจะดำเนินการออกระเบียบกำหนด รายชื่อหุ้นที่สามารถ Short Selling ที่ไม่ได้อยู่ในดัชนี SET 100 และต้องมีมาร์เก็ตแคป (MKT Cap : มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) มากกว่า 7,500 ล้านบาท จากเดิม 5,000 ล้านบาท และมี Turn Over Ratio เฉลี่ย 12 เดือน อยู่ที่ 2% ซึ่งจะสามารถออกระเบียบได้ภายในวันศุกร์นี้ (21 มิ.ย.) และคาดว่าจะสามารถประกาศชื่อหุ้นได้ภายในวันจันทร์ที่ 24 มิ.ย.นี้ และจะเริ่มใช้มาตรการการเพิ่ม Uptick (รายหลักทรัพย์) ในวันที่ 1 ก.ค. 67 โดยให้ขายชอร์ต (ทุกหลักทรัพย์) ได้ที่ราคาสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) จากปัจจุบันให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า (Zero-plus Tick)
ส่วนความสมาชิก (โบรกเกอร์) บางรายที่ยังไม่พร้อมใช้มาตรการ Uptick ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ก็คงต้องเร่งดำเนินการเพราะมาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการสำคัญจะมีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเท่าที่ติดตามพบว่าโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีความพร้อม โดยเชื่อว่าหากมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้จะส่งผลให้ธุรกรรมการทำ Short Selling ได้ยากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีบางมาตรการที่เลื่อนการบังคับใช้ออกไป เช่น การเพิ่ม Circuit Breaker รายหุ้น (Dynamic Price Band) โดยกำหนดกรอบการเคลื่อนไหวของราคา (ที่แคบกว่า Celling & Floor) เอาไว้ เพื่อไม่ให้ราคาผันผวนเกินไป (Phase 1 – เฉพาะในส่วนหุ้นแม่) ซึ่งเลื่อนการบังคับใช้มาเป็นไตรมาส 3/67 จากเดิมวางแผนไว้ในไตรมาส 2/67 แต่ได้เพิ่มเติมมาตรการกำหนดให้ใช้กับหลักทรัพย์ที่มีหุ้นนั้นเป็น Underlying ด้วย (Phase 2) ซึ่งในส่วนนี้จะเริ่มบังคับใช้ในไตรมาส 1/68 และมาตรการ Auto Halt รายหุ้น กรณีจำนวนหุ้นรวมในคำสั่งมากกว่าจำนวนหุ้นที่กำหนด เพื่อป้องกันการจับคู่ของคำสั่งซื้อขายที่อาจผิดปกติ ได้เลื่อนบังคับใช้มาเป็นไตรมาส 1/68 จากเดิมที่จะเริ่มไตรมาส 4/67 นอกจากนี้จะมีการเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งไม่เหมาะสมให้แก่สมาชิกทุกราย 1 ก.ค.นี้ และได้เริ่มเปิดเผยข้อมูลผู้ถือ NVDR สูงสุด 10 รายแรกและผู้ถือตั้งแต่ 0.5% ให้บุคคลทั่วไปทราบ (ลักษณะเดียวกับการเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน)
“หวังว่ามาตรการที่ออกมาจะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุน ซึ่งก็ต้องรอติดตามผล เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งในและต่างประเทศรวมไปถึงด้านการเมือง ซึ่งขณะนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นักลงทุนต่างประเทศกังวล”. -511- สำนักข่าวไทย