กรุงเทพฯ 13 ส.ค. กูเกิลจัดกิจกรรมการศึกษาในรูปแบบออนไลน์ทั่วโลกมุ่งสร้างการเรียนรู้จากทุกที่ “The Anywhere School 2020” สนับสนุนและอัปเดตอนาคตด้านการศึกษาจากผู้นำทางความคิด
นางแจ็คกี้ หวาง ผู้จัดการประจำประเทศไทย กูเกิลประเทศไทย กล่าวว่า การศึกษาเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจหลักของกูเกิล ตามแนวคิด “Leave No Thai Behind” เพื่อให้คนไทยได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพนั้นยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 นับเป็นอุปสรรคครั้งใหญ่ที่สุดที่ส่งผลต่อระบบการศึกษาทั่วโลกจากที่เคยประสบมา ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่การระบาดของโควิด-19 เพิ่มขึ้นสูงสุด องค์การยูเนสโกได้ประมาณการว่าร้อยละ 90 ของนักเรียนทั่วโลกต้องการเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้ทางไกลเป็นหลัก ในขณะเดียวกันทั้งครูและอาจารย์ก็ต้องเผชิญความท้าทายในการสอนทางไกล ในส่วนของผู้ปกครองและเด็กก็ต้องปรับตัวกับผลกระทบของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นนี้ในช่วงเวลาเพียงชั่วข้ามคืน และต้องหันมาใช้การเรียนการสอนทางไกลรวมทั้งต้องวางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน
กูเกิลจัดกิจกรรมด้านการศึกษา “The Anywhere School 2020” ในรูปแบบออนไลน์พร้อมกันทั่วโลกขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพและอัปเดตอนาคตด้านการศึกษาจากผู้นำทางความคิดระดับโลก โดยแต่ละประเทศได้มาร่วมแชร์มุมมองเกี่ยวกับปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการศึกษาอันสืบเนื่องมาจากสถานการณ์ต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาแบบที่ไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งงานนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในแวดวงการศึกษาสามารถเข้ามาร่วมรับฟังได้แบบเรียลไทม์ฟรีเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง ในวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยมีการสรุปความคิดเห็น ความร่วมมือ และการส่งเสริมด้านการศึกษาจากผู้นำด้านความคิดจากประเทศไทยในประเด็นสำคัญดังนี้
นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการของสำนักงานคณะกรรม การการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่ากพฐ. ทำหน้าที่ดูแลนักเรียนในระดับการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่เป็นโรงเรียนของรัฐบาล เราให้ความสำคัญในการเรียน การสอน รวมถึงข้อมูลและเครื่องมืออื่นๆ ที่เป็นสื่อการเรียนการสอนของครูที่สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ การเรียนของเด็กจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้นจากวันจันทร์ – วันศุกร์ นอกจากนั้นจะเห็นเด็กใช้เวลากับสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น เราจึงได้ร่วมมือกับ กูเกิลจัดทำโครงการ “Be Internet Awesome” เป็นสื่อที่ให้ความรู้กับเด็กเพื่อให้พวกเขาได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างมั่นใจ และจะช่วยป้องกันภัยออนไลน์ที่อาจจะแฝงมาจากสื่อและสิ่งอันไม่พึงปรารถนา และในช่วงที่ยังไม่สามารถเปิดภาคเรียนได้เราได้ทดลองเตรียมความพร้อมโดยการนำเครื่องมือจาก กูเกิลเข้ามาช่วยในการสื่อสารการเรียนการสอนในระบบออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งทาง กพฐ. ได้สื่อสารและกำชับถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาและทุกโรงเรียนว่าต้องเรียนรู้เครื่องมือเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลสื่อให้เป็นประโยชน์อย่างต่อเนื่อง
นายชาตรี ประดุจชนม์ ผู้อำนวยการจากโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า โรงเรียนของเรามีภารกิจจัดการศึกษาให้แก่เด็กที่มีความสามารถพิเศษทางด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น-มัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีเป้าหมายและอุดมการณ์ที่ตั้งไว้สูง รวมถึงต้องดูแลในลักษณะขอโรงเรียนประจำ ที่มีการดูแลเด็กนักเรียนตลอด 24 ชั่วโมง ในการเรียนการสอนจึงมีความจำเป็นต้องแสวงหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อมาช่วยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการการศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เมื่อต้นปีที่แล้วทางโรงเรียนได้ร่วมมือกับกูเกิลประเทศไทย โดยการนำ G Suite for Education เข้ามาใช้เรื่องการเรียนการสอนเต็มรูปแบบ รวมทั้งนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อช่วยพัฒนาครูและบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยครูของเราได้รับการเพิ่มพูนทักษะในการสร้างบทเรียนออนไลน์และนำไปสอนผ่าน Google Classroom ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ที่มีประกาศปิดโรงเรียนนั้น เราได้ร่วมมือกับโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ทั้ง 12 โรงเรียน โดยตกลงกันว่าจะสร้างบทเรียนออนไลน์และสอนผ่าน G Suite for Education โดยทำบทเรียนทุกรายวิชาและใช้สอนทุกระดับชั้น อีกทั้งได้ประชุมผู้ปกครองเพื่อชี้แจงการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองทุกคนด้วยดี ผมประทับใจกับเครื่องมือของ Google โดยเฉพาะGoogle Calendar ที่ใช้ในการนัดหมายประชุมกับครูผู้สอนและบุคลากรของโรงเรียน และสามารถแนบไฟล์เอกสารต่างๆทำให้ลดการใช้กระดาษในการประชุมแต่ละครั้งได้เป็นจำนวนมหาศาล และยังมี Google Meet ที่เราใช้ในการบรรยายสดที่เหล่าคุณครูเองก็ไม่ได้จินตนาการมาก่อนว่าการเรียนการสอนออนไลน์ผ่านเทคโนโลยีนี้จะเป็นธรรมชาติได้ขนาดนี้ และวันนี้ถึงแม้ว่าทางโรงเรียนได้มีการเปิดเรียนที่โรงเรียนตามปกติแล้ว เราก็ไม่ได้หยุดการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ยังใช้คู่ขนานไปด้วยกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพร้อมในการรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อีก
พลเอกเอกชัย ศรีวิลาศ ประธานมูลนิธิครูดีของแผ่นดิน กล่าวว่า ยุคนี้เป็นยุคดิจิทัล มีการใช้ระบบออนไลน์ทั้งด้านการบริหารการเรียนรู้ และการศึกษา ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ในการเรียนการสอนที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียน ซึ่งระบบเรียนออนไลน์ช่วยเร่งให้เกิดความเร็วในการเรียนการสอน ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องมีอายุเท่ากันทั้งหมด รวมทั้งมีช่อง Youtube ที่ทำคลิปสอนหนังสือ หรือโรงเรียนที่เปิดสอนออนไลน์ ครูสามารถส่งลิงก์ข้อมูลให้นักเรียนได้ศึกษาก่อนเข้าเรียนจริงได้อย่างสะดวกสบาย ในปัจจุบัน เรายังต้องตระหนักถึงความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน ดังนั้นกูเกิลได้ร่วมมือกับมูลนิธิฯ และกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำโครงการ “Be Internet Awesome” เพื่อให้เด็กอายุ 9-12 ปี และผู้ใหญ่ได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่มาจากอินเทอร์เน็ตที่มีทั้งดีและไม่ดี อันไหนคือข้อมูลจริงหรือข้อมูลเท็จที่ต้องระมัดระวังตลอดเวลา โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวของเราที่ต้องการเก็บเป็นความลับ เด็กๆ อาจจะไม่ทราบว่าสิ่งที่เห็นหรือเข้าใจในความถูกต้องหรือไม่ก็สามารถสอบถามผู้ใหญ่ได้ -สำนักข่าวไทย.