บุรีรัมย์, อ่างทอง 25 ก.ค.- เตือนภัย! แก๊งปาหินอาละวาด โดน 2 รายซ้อน ทั้งที่จังหวัดบุรีรัมย์ และอ่างทอง
รายแรก นายศิริศักดิ์ พานรอง หนุ่มขับรถขนส่งผลไม้เจอมือมืดปาหินใส่กระจกหน้ารถแตกกระเด็นเข้าตา แต่ฝืนขับต่อหวั่นอันตราย กระทั่งเช้า น.ส.วารุณี สมมา ภรรยาได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ละหานทราย แทนสามี พร้อมเปิดเผยว่าเมื่อช่วงเที่ยงคืน สามีมีอาชีพรับจ้างขับรถขนส่งผลไม้ ขณะขับรถบรรทุกผลไม้มาจากจันทบุรี จะไปส่งปลายทางที่ จ.อุบลราชธานี มาถึงจุดเกิดเหตุบนถนนสายละหานทราย-โนนดินแดง ช่วงทางโค้งกิโล 2 บ้านสระหลวง ตำบลสำโรงใหม่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใครและมีกี่คน ปาก้อนหินใส่หน้ารถหกล้อ ทะเบียน 82-6470 ศรีสะเกษที่กำลังวิ่งอยู่ จนกระจกหน้าแตกเสียหาย เศษกระจกกระเด็นเข้าตา แต่สามีไม่กล้าจอดรถลงมาดู เพราะขับมาคนเดียวไม่รู้ว่าคนที่ก่อเหตุมีจุดประสงค์อะไร เกรงจะได้รับอันตราย จึงฝืนขับต่อไปถึงบ้านใน อ.ละหานทราย แต่เนื่องจากต้องรีบไปส่งผลไม้ให้ลูกค้าให้ทันเวลา จึงบอกให้ตนมาแจ้งความแทน ซึ่งเมื่อสามีส่งผลไม้เสร็จแล้ว จะเดินทางกลับมาให้ข้อมูลโดยละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง
น.ส.วารุณียังบอกด้วยว่า ที่เข้าแจ้งความเพราะต้องการให้ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพราะไม่รู้ว่าคนที่ก่อเหตุทำไปเพราะความคึกคะนอง หรือมีเจตนาอะไร ทั้งอยากจะเตือนภัยผู้ขับขี่ตอนกลางคืนให้ระมัดระวัง เพราะอาจไม่โชคดีเหมือนสามีตนเองที่บาดเจ็บแค่เล็กน้อย
อีกราย ที่จังหวัดอ่างทอง กระบะทะเบียน บล-7002 ลพบุรี ถูกปากระจกหน้าเสียหาย บนถนนสายเอเชียขาขึ้น กม.ที่ 57 หมู่ 2 ต.ชัยฤทธิ์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง จนกระจกหน้ารถแตกละเอียดทั้งบาน มีรอยถูกของแข็งกระแทกเข้าที่มุมกระจกด้านคนขับ กลางกระจกหน้าและบริเวณหลังคาเป็นรอยบุบขนาดใหญ่ นายมานพ ปั้นเพ็ง คนขับรถเล่าว่า เดินทางมาด้วยกัน 3 คนจากจังหวัดชลบุรี เพื่อกลับบ้านใน อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ช่วงหยุดยาว 4 วัน ระหว่างขับมาตามถนนสายเอเชีย จนถึงจุดเกิดเหตุใกล้ถึงอำเภอไชโย จู่ๆ มีก้อนหินขนาดใหญ่ พุ่งจากร่องกลางถนน กระแทกเข้าที่กระจกหน้าด้านคนขับอย่างแรงจนกระจกแตกร้าวทั้งบาน ด้วยความตกใจจึงรีบจอดเข้าข้างทางและแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นคนปาใส่รถเพราะขณะเกิดเหตุ ตนเองขับรถอยู่เลนขวาสุด ติดกับแบริเออร์กั้นร่องกลาง และไม่มีรถอยู่ด้านหน้าเลยแม้แต่คันเดียว แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมืดมาก จึงไม่กล้าจอดรถลงไปดู.-สำนักข่าวไทย