ผู้นำชุมชนกระบี่อยากเห็นทำประชามติโรงไฟฟ้า

กรุงเทพฯ  29 พ.ย. – กำนันจังหวัดกระบี่เรียกร้องรัฐทำประชามติยุติปัญหาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ด้านกระทรวงพลังงานทำแผนรับความเสี่ยงไฟฟ้าตก-ดับภาคใต้ หลังเกิดปัญหาล่าช้า 2 เด้ง “โรงไฟฟ้าถ่านหิน-สายส่งไฟฟ้าจากภาคกลางลงภาคใต้”  สั่ง ปตท. ศึกษานำเข้าแอลเอ็นจีเพิ่มและให้ กฟผ.ศึกษาพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าก๊าซ 


นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากที่ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงานต้องการให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำรวจความคิดเห็นในพื้นที่ จังหวัดกระบี่เพื่อสรุปคนในพื้นที่ส่วนใหญ่สนับสนุนหรือคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้น กฟผ.จะต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า ชะลอโครงการเพื่อรอความชัดเจนเรื่องความคิดเห็นของคนในพื้นที่ซึ่งเดิมนั้น โรงฟ้ากระบี่มีแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2562 ในขณะนี้ก็ล่าช้าไปเป็นปี 2565 ในขณะที่ กฟผ.ได้รายงานว่า การก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า 500KV  “จอมบึง-บางสะพาน-สุราษฎร์ธานี-ภูเก็ต”ระยะทาง 800 ก.ม. เงินลงทุน 63,200 ล้านบาท ก่อสร้างปี 2562-2565 จะล่าช้าไป 1 ปี เพราะมีการต่อต้านและต้องทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ในเรื่องการรอนสิทธิ์ก่อสร้างสายส่ง โดยทั้ง 2 โครงการนิ้ เป็นส่วนที่จะสร้างความมั่นคงฟ้าในภาคใต้ ซึ่งกำลังผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ในขณะที่ความต้องการใช้เติบโตร้อยละ 5-6ต่อปี โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว จึงน่าเป็นห่วงเรื่องความมั่นคงไฟฟ้า

“น่าเป็นห่วงเรื่องคุณภาพไฟฟ้าในภาคใต้ กำลังผลิตไม่เพียงพอต้องส่งไฟฟ้าจากภาคกลางลงไปให้ใช้ จึงต้องการสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ และเสริมความั่นคงด้วยการก่อสร้างสายส่งเพิ่มเติมจากภาคกลางไปภาคใต้ด้วย แต่ ขณะนี้ 2 โครงการก็ล่าช้าไปกว่าแผนทั้งหมด”นายอารีพงศ์กล่าว


นายอารีพงศ์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน ดูเรื่องความมั่นคงพลังงานพร้อมๆกับสนับสนุนพลังงานทดแทนอย่างเต็มที่ โดยได้มอบให้มหาวิทยาสงขลา ม.เชียงใหม่ ม.ขอนแก่น และม.สุรนารีศึกษาพื้นที่ แต่ละภาคในการทำพลังงานทดแทนแต่พลังงานทดแทนเหล่านี้ก็ยังไม่เพียงพอ ขณะที่ความเป็นห่วงเรื่องมลพิษยืนยันว่าไทยก็ใช้มาตรฐานโรงไฟฟ้าเช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่มีมาตรฐานสูง

นายธรรมยศ ศรีช่วย รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า  การประชุมผู้บริหารกระทรวงพลังงานในวันนี้ (29 พ.ย.)ได้มอบหมายให้ กฟผ.ไปหาแผนรองรับเพื่อเป็นทางเลือกโดยเฉพาะการหาพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าสำหรับใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง หากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน กระบี่ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.ยังไม่ได้รับคำสั่งจาก รมว.พลังงานอย่างเป็นทางการ ในเรื่องการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากมีคำสั่งมา ทาง กฟผ.คงจะติดต่อว่าจ้างให้หน่วยงานวิชาการ เช่น มหาวิทยาลัยต่างๆ ไปสำรวจความคิดเห็น เพราะ หากกฟผ.ทำเอง ก็จะถูกมองว่า ไม่เป็นกลาง ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ ในขณะที่ พนักงาน กฟผ. เองก็มีไม่เพียงพอในการสำรวจความคิดเห็น


“ความต้องการไฟฟ้าในภาคใต้ ล่าสุดอยู่ที่ 2,700 เมกะวัตต์ กำลังผลิตรวมกับโรงไฟฟ้าเก่ามาก เช่น สุราษฎร์ธานี อยู่ที่ 3,088 เมกะวัตต์ มีบางกลุ่มอ้างว่า เมื่อรวมกับการส่งไฟฟ้าจากภาคกลาง 500-700 เมกะวัตต์ไฟฟ้าภาคใต้ก็เพียงพอ อยู่แล้ว ก็ขอบอกว่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนเพราะหากโรงไฟฟ้าหนึ่งโรงไฟฟ้าใดมีอุบัติเหตุต้องหยุดผลิต จะเกิดความเสี่ยงไฟตก ไฟดับ ในขณะที่สำรองฟ้าของประเทศ ประเภท FIRM นั้น ล่าสุด เดือน สิงหาคม 2559 อยู่ที่ร้อยละ 16 เท่านั้น ที่พูดกันแยอะๆว่าร้อยละ 40 ก็เพราะรวม NON-FIRM และพลังงานทดแทนเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่สามารถพึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายกรศิษฏ์

ด้านกำนันสมศักดิ์ ภูมิสุทธาผล กำนัน ต. คลองขนาน อ.เหนือคลอง จังหวัดกระบี่กล่าวว่า คนในพื้นที่กระบี่ส่วนใหญ่สนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ ที่ผ่านมามีการรวบรวมรายชื่อ แล้ว 2 รอบ รอบแรก 5,000 รายชื่อ รอบที่ 2 อีกว่า 15,000 รายชื่อสนับสนุนการก่อสร้าง ก็อยากถามว่ารายชื่อยังไม่เพียงพอหรืออย่างไร หากจะมาเคาะประตูถามอีก หรือประชามติก็พร้อมให้ความร่วมมือ แต่จะให้ไปชุมนุมในกรุงเทพฯ สนับสนุนการก่อสร้างเหมือนกลุ่มผู้คัดค้าน ทาง ชาวบ้านก็ไม่ได้มีเงินจะไปทำแบบนั้นเพราะต้องทำมาหากิน หากมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าก็จะมีการจ้างงาน ลูกหลานจะได้มีงานทำ และมีเงินกองทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้ามาพัฒนาพื้นที่ ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อม เชื่อว่าจะป้องกันได้ เพราะเทคโนโลยีใหม่ ก็เหมือนรถใหม่ ที่ป้องกันมลพิษได้ดีขึ้น

นายธัญญา ไชยบุตร กำนัน  ตำบลปกาสัย จ.กระบี่ กล่าวว่า ในขณะนี้ มีความขัดแย้งระหว่างคนไม่เห็นด้วยกับคนเห็นด้วย ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ ก็อยากเห็นรัฐบาลตัดสินใจเร็วๆ โดยควรจะทำประชามติ สำหรับคนในจังหวัดกระบี่ จะได้ จบปัญหา โดยเชื่อมั่นว่า โรงไฟฟ้ากระบี่จะก่อสร้างได้อย่างแน่นอน เพราะคนส่วนใหญ่สนับสนุน มีเพียงคนส่วนร้อยที่ได้รับข้อมูลจากเอ็นจีโอ ที่คลาดเคลื่อนมาคัดค้าน โดยกรณี มลพิษนั้น คนที่อยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้ากระบี่ตั้งแต่ปี 2505 ก็ยังอยู่ได้อย่าปกติ ส่วนกรณีกลัวเรื่องมะเร็งจากมลพิษ ข้อเท็จจริงก็พบว่าปัจจุบันโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่หยุดเดินเครื่อง แต่คนก็เป็นมะเร็ง ก็เพราะมะเร็งเกิดจากหลายสาตุ เกิดจากอาหารการกินและอื่นๆ จึงอยากให้ผู้คัดค้านดูข้อมูลรอบด้าน

ศรีวรรณ เอ่ียมรุ่งโรจน์

ขณะที่นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กระทรวงฯให้ ปตท.ศึกษาเรื่องการเตรียมพร้อมการนำเข้า แอลเอ็นจีเพิ่มในภาคใต้ รองรับทั้งเรื่องสัญญาเจดีเอที่จะหมดสัญญา ปริมาณก๊าซอ่าวไทยลดลง การประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณที่ล่าช้า รวมไปถึงเรื่องการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ที่ชะลอไป โดยเดิม ปตท.ศึกษาจะนำเข้าในรูปแบบคลังลอยน้ำ (เอฟเอสอาร์ยู) 3 ล้านตัน/ปี ก็คงจะต้องเพิ่มปริมาณรองรับนำเข้าให้สูงขึ้น ส่วนจะสร้างจุดไหนอย่างไร ก็คงจะต้องรอ กฟผ.ยืนยันพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้ชัดเจน-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย