กมธ.ตรวจสอบทุจริต วุฒิฯพร้อมรับเรื่องร้องเรียนทุจริตเงินกู้

รัฐสภา 21 ก.ค.-กมธ.ตรวจสอบเรื่องทุจริตฯ วุฒิสภา เชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ข้อมูล พร้อมประกาศทำงานเชิงรุก เปิดรับเรื่องร้องเรียนทุจริตใช้งบฟื้นฟูปัญหาโควิด พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบทันที


คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา นำโดย พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมาธิการฯ แถลงถึงการตรวจสอบการทุจริตการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการเรื่องการจัดสรรและใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 400,000 ล้านบาท ว่า คณะกรรมาธิการฯได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานป.ป.ท. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อมาให้ข้อมูล ขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติโครงการต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการป้องปราม ตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างสุจริตโปร่งใส คุ้มค่า ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

“คณะกรรมาธิการฯได้รับทราบข้อมูลว่า แต่ละหน่วยงานจะมีขั้นตอนและมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้การจัดทำโครงการและใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง คณะกรรมาธิการ ฯ จึงต้องทำงานในเชิงรุก เพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนสอดส่องดูแลปัญหาการทุจริตหรือประพฤติมิชอบของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มากขึ้น” พล.ร.อ.ศิษฐวัชร กล่าว


ประธานคณะกรรมาธิการ ฯ กล่าวว่า ได้ให้แนวทางโดยเริ่มต้นจากการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกู้ในโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ยังเพิ่มเปิดชองทางรับฟัง ข้อเสนอแนะ และข้อมูลจากประชาชน ผ่านเว็บไซต์ ThaiME ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยจะต้องให้ทุกโครงการติด OR code เพื่อให้ประชาชนสามารถสแกนเข้าถึงข้อมูลของโครงการได้ตลอดระยะเวลาดำเนินการ รวมทั้งเปิดรับข้อมูลจากประชาชน หากพบโครงการใดไม่โปร่งใสหรือมีเรื่องร้องเรียน จะลงพื้นที่ไปติดตามตรวจสอบทันที

“เราขอปาวรณาตัวที่จะเป็นสื่อกลางตอบข้อสงสัยและเชื่อมโยงกับสื่อมวลชนและประชาชนไปยังรัฐบาลและหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามวัตถุประสงค์ฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากได้รับการร้องเรียนเข้ามาจะเร่งหารือในคณะกรรมาธิการและลงพื้นที่ตรวจสอบทันที” พล.ร.อ.ศิษฐวัชร กล่าว 

น.ส.วิไลลักษณ์ อรินทมะพงษ์ โฆษกคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า หากประชาชนมีเบาะแสหรือพบการกระการทุจริต ประพฤติมิชอบของส่วนรชการ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถแจ้งหรือส่งข้อมูลมายังคณะกรรมาธิการ ฯได้ ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 8319182 โทรสาร 02 8319183 หรือ E-mail :senate9183@gmail.com หรือทางเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการฯ ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบและเสริมสร้างธรรมาภิบาล : www.senate.go.th.-สำนักข่าวไทย      


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง