“เฉลิมชัย-อันวาร์”โต้เดือดกลางประชุมใหญ่ปชป.

โรงแรมรามาการ์เด้นส์ 19 ก.ค.-ประชุมปชป.ระอุ “อันวาร์” ชี้หลายปัจจัยทำพรรคตกต่ำ ส่งผลเสียเก้าอี้ส.ส.ทุกเขตเลือกตั้ง ด้าน “เฉลิมชัย” สวนกลับตั้งให้เป็นรองเลขาฯพรรคเพราะหัวสมัยใหม่ แต่สิ่งที่ทำวันนี้ไม่ถูกกาละเทศะ 


ระหว่างการกระชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ของพรรคประชาธิปัตย์ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานีและรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความคิดเห็น ว่า  พรรคประชาธิปัตย์มีแนวโน้มตกต่ำลงต่อเนื่อง ไร้วี่แววจะฟื้นในอนาคต เพราะเดินผิดทาง  ซ้ำยังเปลี่ยนโอกาสเป็นวิกฤติ ส่งผลให้แพ้เลือกตั้ง สูญเสียที่นั่งส.ส.ทุกเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กทม.ที่แพ้เลือกตั้งจนเหลือศูนย์

“สาเหตุแห่งความตกต่ำของพรรคประชาธิปัตย์ มาจากประชาชนผิดหวังกับการกระทำของพรรค และพรรคไม่สามารถลบล้างข้อครหาที่เป็นตราบาปของพรรคได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีแต่พูด เอาดี ใส่ตัว เอาชั่วให้เพื่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างสมาชิกพรรค วันนี้ถึงเวลาที่พรรคต้องยกเครื่องการทำงาน ยกเครื่องนโยบายของพรรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกและสถานการณ์บ้านเมืองที่ปลี่ยนแปลงไปอย่างจริงจัง เพื่อทำให้พรรคหลุดพ้นจากความตกต่ำ และหวนกลับมาครองใจประชาชน เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน ไม่ปล่อยให้ประชาชนว้าเหว่สิ้นหวัง” นายอันวาร์ กล่าว


นายอันวาร์ กล่าวว่า โจทย์ใหญ่ที่สุดที่พรรคต้องให้ความสำคัญยิ่งยวด ในการแสวงหาทางแก้ไขโดยเร่งด่วน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและเพื่อความมั่นคงยั่งยืนของประเทศ มีอยู่ 3 ประเด็นคือ 1.ปัญหาหนี้สินของพี่น้องประชาชนหลายสิบล้านชีวิต 2.ปัญหาความอยู่รอดของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหลายล้านราย และ3.ปัญหาโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ ภายใต้บริบทใหม่ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่ต้องการการปฏิรูปอย่างจริงจัง เพื่อการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น และลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอกให้น้อยลงอย่างมีดุลยภาพ

“สำหรับการแก้ปัญหาความตกต่ำของพรรค ด้วยการเปลี่ยนแปลงแก้ไขตราสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับพรรคมา 74 ปี โดยการถือวิสาสะของใครบางคนในพรรค ไม่น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แต่ทางแก้ที่ถูกต้องควรต้องแก้ไขที่คน เติมคุณภาพ ประสิทธิภาพของคนในพรรคให้มีขีดความสามารถ ทำงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผมขอเสนอแนะยุทธศาสตร์การพื้นฟูพรรค 3 ประการ คือ 1.ยึดมั่นในอุดมการณ์พรรคที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่วันก่อตั้งพรรค 2.ยึดมั่นในคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน และ3.ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข นอกจากนี้ต้องตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนพรรรค ทำหน้าที่ขับคลื่อนการพื้นฟูและพัฒนาพรรคอย่างเป็นระบบ เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาครองใจประชาชน และเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้อย่างแท้จริง” นายอันวาร์ กล่าว

ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า ตนให้นายอันวาร์ เป็นรองเลขาธิการพรรคเพราะมีหัวสมัยใหม่ ช่วยบริหารพรรคไปข้างหน้า และเพื่อความสบายใจขอบอกว่าไม่มีใครกังวลหรือกลัวว่านายอันวาร์จะมาเป็นรัฐมนตรี ตนมีหน้าที่ดูแลสมาชิกพรรคทั้งหมด กรรมการบริหารพรรคทุกคนพร้อมจะรับฟัง เปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอความคิดเห็น และพร้อมจะแก้ไขให้ดีขึ้น


“แต่การกระทำในวันนี้ไม่ถูกกาลเทศะ เพราะการประชุมมีทั้งสื่อมวลชนและประชาชนที่รอฟังอยู่ภายนอก การจะพูดบางเรื่องควรคุยกันภายในพรรคเท่านั้น อะไรที่ไม่สบายใจ นายอันวาร์สามารถมาคุยกับผมได้เสมอ อยากให้ทุกคนเดินไปด้วยกัน สู้เต็มที่เพื่อรักษาพรรค” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

ขณะเดียวกันมีสมาชิกหลายคนที่ถูกอ้างถึงลุกขึ้นชี้แจง อาทิ นายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กทม. กล่าวว่า สิ่งที่นายอันวาร์ทำ ทำให้พรรคเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น และขอให้มาช่วยกัน ทุกครั้งที่นายอันวาร์ทำ ผลกระทบสะท้อนทั้งในพื้นที่และความรู้สึกไม่ดีที่คนมีต่อพรรคประชาธิปัตย์

ส่วนนายเรวัต อารีรอบ อดีต ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ความนิยมน้อยลงและเสียพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตทั้ง 2 ที่ เพราะไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าน ประชาชนอยากให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จึงสอบตกในครั้งที่แล้ว

ส่วนนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในคนที่นายอันวาร์กล่าวอ้าง และเป็นรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่ให้กับพรรค ศักดิ์ศรีของประชาธิปัตย์ ศักดิ์ศรีของประชาชนที่เลือกตน ไม่สามารถสั่งให้หันซ้ายหันขวาหันได้ จากกรณีที่เจ้ากระทรวงสั่งให้ตนทำตาม เพราะเราจะต้องทำงานร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วย ต้องทำงานตามนโยบายร่วมกัน

“ถ้าผมไม่มีผลงาน ไม่ได้เกิดจากการหันซ้ายขวาหัน เป็นเรื่องของความสามารถหรือไม่มีความสามารถของผม พรรคส่งไปแล้วทำงานไม่ได้ตามนโยบายของพรรค อีกไม่กี่วันจะประเมินคนที่เป็นรัฐมนตรี ผลออกมาอย่างไร ผมรับได้ ไม่ว่าสอบตกหรือสอบผ่าน เพราะผมเป็นคนของประชาธิปัตย์ที่ต้องรักษาประชาธิปไตย” นายถาวร กล่าว

จากนั้นนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส. กทม. กล่าวว่า สมาชิกพรรคส่วนหนึ่ง อาทิ นายไชยวัฒน์ ไตรสุรนันท์ อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ นายเจริญ คันธวงศ์ อดีต ส.ส. กทม. และนายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล อดีต ส.ส.สุโขทัย ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าพรรคขอกรรมการบริหารพรรคเปลี่ยนโลโก้พรรคในเพจและสื่อออนไลน์ให้เป็นตราพรรคแบบเดิมตามกฎหมาย โดยให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนโลโก้พรรคโดยตัดภาพรวงข้าวและพุทธภาษิตออกไป สมาชิกพรรคจำนวนมากไม่เห็นด้วย เพราะไม่ผ่านประชาพิจารณ์ และอาจผิดกฎหมายพรรคการเมือง เพราะเพจที่แสดงสัญลักษณ์ของพรรคต้องใช้เหมือนกับที่จดทะเบียนไว้ตามกฎหมาย 

ด้านฝ่ายไอทีรับไปพิจารณาว่าจะผิดข้อข้อบังคับพรรคหรือไม่ ยืนยันไม่ได้เปลี่ยนโลโก้ แต่การนำไปใช้ในบางพื้นที่ เช่นทำเสื้อหรือสัญลักษณ์อื่น ฝ่ายกฎหมายพิจารณาแล้วว่านำไปใช้ได้ แต่ถ้าอยู่ในเฟซบุ๊กหรือสื่อออนไลน์ของพรรค ยังก้ำกึ่ง ต้องให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ส่วนการทำของที่ระลึกมีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ซึ่งไม่ใช่เอกสารสำคัญที่ส่งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 11 คน อาทิ นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ นายเจริญ คันธวงศ์ นายเอนก ทับสุวรรณ นายสุกิจ  ก้องธรณินทร์ นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล และนายวัชระ เพชรทองร่วมกันลงลายมือชื่อเพื่อยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคขอให้เปลี่ยนโลโก้พรรคกลับมาเป็นเเบบเดิมตามกฎหมาย เพราะสมาชิกพรรคจำนวนมากไม่เห็นด้วยเนื่องจากโลโก้ที่แก้ไขและนำเผยเเพร่ตามเพจและสื่อออนไลน์ไม่ได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์จากสมาชิกและอาจผิดกฎหมายพรรคการเมืองได้ เพราะเพจหรือสื่อออนไลน์ที่เเสดงสัญลักษณ์ของพรรค ต้องเป็นภาพสัญลักษณ์ของพรรคตามที่จดทะเบียนไว้ตามกฎหมาย จึงขอให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาเปลี่ยนโลโก้พรรคในเพจเเละสื่อออนไลน์กลับมาตามเดิม โดยผู้ร่วมลงชื่อ

ส่วนการเลือกเหรัญญิกพรรค นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ อดีต ส.ส.กทม.ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง โดยไม่มีผู้เสนอชื่ออื่นเข้าแข่ง.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]