โรงแรมรามาการ์เด้นส์ 19 ก.ค.-ประชุมปชป.ระอุ “อันวาร์” ชี้หลายปัจจัยทำพรรคตกต่ำ ส่งผลเสียเก้าอี้ส.ส.ทุกเขตเลือกตั้ง ด้าน “เฉลิมชัย” สวนกลับตั้งให้เป็นรองเลขาฯพรรคเพราะหัวสมัยใหม่ แต่สิ่งที่ทำวันนี้ไม่ถูกกาละเทศะ
ระหว่างการกระชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ของพรรคประชาธิปัตย์ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานีและรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความคิดเห็น ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีแนวโน้มตกต่ำลงต่อเนื่อง ไร้วี่แววจะฟื้นในอนาคต เพราะเดินผิดทาง ซ้ำยังเปลี่ยนโอกาสเป็นวิกฤติ ส่งผลให้แพ้เลือกตั้ง สูญเสียที่นั่งส.ส.ทุกเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กทม.ที่แพ้เลือกตั้งจนเหลือศูนย์
“สาเหตุแห่งความตกต่ำของพรรคประชาธิปัตย์ มาจากประชาชนผิดหวังกับการกระทำของพรรค และพรรคไม่สามารถลบล้างข้อครหาที่เป็นตราบาปของพรรคได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีแต่พูด เอาดี ใส่ตัว เอาชั่วให้เพื่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างสมาชิกพรรค วันนี้ถึงเวลาที่พรรคต้องยกเครื่องการทำงาน ยกเครื่องนโยบายของพรรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกและสถานการณ์บ้านเมืองที่ปลี่ยนแปลงไปอย่างจริงจัง เพื่อทำให้พรรคหลุดพ้นจากความตกต่ำ และหวนกลับมาครองใจประชาชน เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน ไม่ปล่อยให้ประชาชนว้าเหว่สิ้นหวัง” นายอันวาร์ กล่าว
นายอันวาร์ กล่าวว่า โจทย์ใหญ่ที่สุดที่พรรคต้องให้ความสำคัญยิ่งยวด ในการแสวงหาทางแก้ไขโดยเร่งด่วน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและเพื่อความมั่นคงยั่งยืนของประเทศ มีอยู่ 3 ประเด็นคือ 1.ปัญหาหนี้สินของพี่น้องประชาชนหลายสิบล้านชีวิต 2.ปัญหาความอยู่รอดของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหลายล้านราย และ3.ปัญหาโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ ภายใต้บริบทใหม่ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่ต้องการการปฏิรูปอย่างจริงจัง เพื่อการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น และลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอกให้น้อยลงอย่างมีดุลยภาพ
“สำหรับการแก้ปัญหาความตกต่ำของพรรค ด้วยการเปลี่ยนแปลงแก้ไขตราสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับพรรคมา 74 ปี โดยการถือวิสาสะของใครบางคนในพรรค ไม่น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แต่ทางแก้ที่ถูกต้องควรต้องแก้ไขที่คน เติมคุณภาพ ประสิทธิภาพของคนในพรรคให้มีขีดความสามารถ ทำงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผมขอเสนอแนะยุทธศาสตร์การพื้นฟูพรรค 3 ประการ คือ 1.ยึดมั่นในอุดมการณ์พรรคที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่วันก่อตั้งพรรค 2.ยึดมั่นในคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน และ3.ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข นอกจากนี้ต้องตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนพรรรค ทำหน้าที่ขับคลื่อนการพื้นฟูและพัฒนาพรรคอย่างเป็นระบบ เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาครองใจประชาชน และเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้อย่างแท้จริง” นายอันวาร์ กล่าว
ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนให้นายอันวาร์ เป็นรองเลขาธิการพรรคเพราะมีหัวสมัยใหม่ ช่วยบริหารพรรคไปข้างหน้า และเพื่อความสบายใจขอบอกว่าไม่มีใครกังวลหรือกลัวว่านายอันวาร์จะมาเป็นรัฐมนตรี ตนมีหน้าที่ดูแลสมาชิกพรรคทั้งหมด กรรมการบริหารพรรคทุกคนพร้อมจะรับฟัง เปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอความคิดเห็น และพร้อมจะแก้ไขให้ดีขึ้น
“แต่การกระทำในวันนี้ไม่ถูกกาลเทศะ เพราะการประชุมมีทั้งสื่อมวลชนและประชาชนที่รอฟังอยู่ภายนอก การจะพูดบางเรื่องควรคุยกันภายในพรรคเท่านั้น อะไรที่ไม่สบายใจ นายอันวาร์สามารถมาคุยกับผมได้เสมอ อยากให้ทุกคนเดินไปด้วยกัน สู้เต็มที่เพื่อรักษาพรรค” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ขณะเดียวกันมีสมาชิกหลายคนที่ถูกอ้างถึงลุกขึ้นชี้แจง อาทิ นายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กทม. กล่าวว่า สิ่งที่นายอันวาร์ทำ ทำให้พรรคเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น และขอให้มาช่วยกัน ทุกครั้งที่นายอันวาร์ทำ ผลกระทบสะท้อนทั้งในพื้นที่และความรู้สึกไม่ดีที่คนมีต่อพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนนายเรวัต อารีรอบ อดีต ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ความนิยมน้อยลงและเสียพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตทั้ง 2 ที่ เพราะไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าน ประชาชนอยากให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จึงสอบตกในครั้งที่แล้ว
ส่วนนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในคนที่นายอันวาร์กล่าวอ้าง และเป็นรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่ให้กับพรรค ศักดิ์ศรีของประชาธิปัตย์ ศักดิ์ศรีของประชาชนที่เลือกตน ไม่สามารถสั่งให้หันซ้ายหันขวาหันได้ จากกรณีที่เจ้ากระทรวงสั่งให้ตนทำตาม เพราะเราจะต้องทำงานร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วย ต้องทำงานตามนโยบายร่วมกัน
“ถ้าผมไม่มีผลงาน ไม่ได้เกิดจากการหันซ้ายขวาหัน เป็นเรื่องของความสามารถหรือไม่มีความสามารถของผม พรรคส่งไปแล้วทำงานไม่ได้ตามนโยบายของพรรค อีกไม่กี่วันจะประเมินคนที่เป็นรัฐมนตรี ผลออกมาอย่างไร ผมรับได้ ไม่ว่าสอบตกหรือสอบผ่าน เพราะผมเป็นคนของประชาธิปัตย์ที่ต้องรักษาประชาธิปไตย” นายถาวร กล่าว
จากนั้นนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส. กทม. กล่าวว่า สมาชิกพรรคส่วนหนึ่ง อาทิ นายไชยวัฒน์ ไตรสุรนันท์ อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ นายเจริญ คันธวงศ์ อดีต ส.ส. กทม. และนายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล อดีต ส.ส.สุโขทัย ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าพรรคขอกรรมการบริหารพรรคเปลี่ยนโลโก้พรรคในเพจและสื่อออนไลน์ให้เป็นตราพรรคแบบเดิมตามกฎหมาย โดยให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนโลโก้พรรคโดยตัดภาพรวงข้าวและพุทธภาษิตออกไป สมาชิกพรรคจำนวนมากไม่เห็นด้วย เพราะไม่ผ่านประชาพิจารณ์ และอาจผิดกฎหมายพรรคการเมือง เพราะเพจที่แสดงสัญลักษณ์ของพรรคต้องใช้เหมือนกับที่จดทะเบียนไว้ตามกฎหมาย
ด้านฝ่ายไอทีรับไปพิจารณาว่าจะผิดข้อข้อบังคับพรรคหรือไม่ ยืนยันไม่ได้เปลี่ยนโลโก้ แต่การนำไปใช้ในบางพื้นที่ เช่นทำเสื้อหรือสัญลักษณ์อื่น ฝ่ายกฎหมายพิจารณาแล้วว่านำไปใช้ได้ แต่ถ้าอยู่ในเฟซบุ๊กหรือสื่อออนไลน์ของพรรค ยังก้ำกึ่ง ต้องให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ส่วนการทำของที่ระลึกมีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ซึ่งไม่ใช่เอกสารสำคัญที่ส่งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 11 คน อาทิ นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ นายเจริญ คันธวงศ์ นายเอนก ทับสุวรรณ นายสุกิจ ก้องธรณินทร์ นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล และนายวัชระ เพชรทองร่วมกันลงลายมือชื่อเพื่อยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคขอให้เปลี่ยนโลโก้พรรคกลับมาเป็นเเบบเดิมตามกฎหมาย เพราะสมาชิกพรรคจำนวนมากไม่เห็นด้วยเนื่องจากโลโก้ที่แก้ไขและนำเผยเเพร่ตามเพจและสื่อออนไลน์ไม่ได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์จากสมาชิกและอาจผิดกฎหมายพรรคการเมืองได้ เพราะเพจหรือสื่อออนไลน์ที่เเสดงสัญลักษณ์ของพรรค ต้องเป็นภาพสัญลักษณ์ของพรรคตามที่จดทะเบียนไว้ตามกฎหมาย จึงขอให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาเปลี่ยนโลโก้พรรคในเพจเเละสื่อออนไลน์กลับมาตามเดิม โดยผู้ร่วมลงชื่อ
ส่วนการเลือกเหรัญญิกพรรค นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ อดีต ส.ส.กทม.ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง โดยไม่มีผู้เสนอชื่ออื่นเข้าแข่ง.-สำนักข่าวไทย