หอประชุมคุรุสภา 17 ก.ค.-รมช.ศึกษาฯ โชว์ผลงานเด่นรอบ 1 ปี ลงพื้นที่ครบ 77 จังหวัด ผลักดันเพิ่มอัตราข้าราชการครู กศน.–เพิ่มสวัสดิการครูเอกชน – พัฒนาหลักสูตรลูกเสือมัคคุเทศก์ ชูแผนเดินหน้าสร้างการเรียนรู้ออนไลน์-สร้างงานสร้างอาชีพ-ก้าวสู่สังคมสุขภาวะอย่างมีคุณภาพ
นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) แถลงผลการทํางานในรอบ 1 ปี โดยระบุว่า กระทรวงศึกษาธิการให้ความสําคัญกับการจัดการศึกษาตลอดชีวิต โดยเน้นการสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่ผู้ด้อย พลาดและขาดโอกาสทางการศึกษา ได้แก่ คนชายขอบ กลุ่มชาติพันธุ์ ผู้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร ได้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษา โดยเน้น คุณภาพและประสิทธิภาพของผู้เรียน พร้อมทั้งร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็ง
โดนในปีที่ผ่านมา ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานในกํากับ ทั้งสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ(สลช.)ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทํางาน พร้อมทั้งลงพื้นที่ครบทั้ง 77จังหวัด เพื่อติดตามการนํานโยบายไปสู่การปฏิบัติ
โดยมีผลการดําเนินงานเด่น ได้แก่ ผลักดันการเพิ่มอัตราข้าราชการครู กศน.คูณ 3 แบ่งเป็น ครูผู้ช่วยพื้นที่สูง ครูผู้ช่วยชายแดนใต้ ครูผู้ช่วยพื้นที่ทั่วไป และครูผู้ช่วยแบบสอบแข่งขัน รวม 1,590 อัตรา และสรรหาเป็น ผู้บริหาร กศน.140 อัตรา ทําให้สามารถขยับลูกจ้างขึ้นมาเป็นพนักงานราชการ และรับสมัครบุคคลภายนอกมาทดแทนอัตรา จ้างที่ว่างลงให้ครบถ้วน
ในส่วนของ สช. ได้ผลักดันการเพิ่มสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลครูเอกชน จาก 100,000 บาท/คน/ปี เป็น 150,000 บาท/คน/ปี และกำลังสำรวจโรงเรียนเอกชนที่ประสบ ปัญหาเพื่อหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือ
น้อมนําหลักสูตรจิตอาสา904 มาใช้ในกระบวนการอบรมลูกเสือ เพื่อช่วยสร้างศักยภาพ ระเบียบวินัยและปลูกจิตอาสาให้แก่เยาวชน พร้อมพัฒนาหลักสูตรลูกเสือมัคคุเทศก์ ให้มีความโดดเด่นด้านภาษาและองค์ความรู้ในเชิงการท่องเที่ยว โดยจัดอบรมลูกเสือมัคคุเทศก์รุ่นแรก ใน 8 จังหวัด 480 คนเรียบร้อยแล้ว และในเดือนสิงหาคมนี้ จะจัดอบรมในรุ่นที่ 2 รวม 4,140 คนในทุกจังหวัดทั่วไปประเทศ
ส่วนการดําเนินงานในระยะต่อไป ได้วางแผนและกําหนดเป้าหมาย ที่จะสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด เรียนรู้ออนไลน์- สร้างงานสร้างอาชีพ-ก้าวสู่สังคมสุขภาวะอย่างมีคุณภาพ โดยเรียนรู้ออนไลน์ใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยสนับสนุนเป็นเครื่องมือในการจัดการศึกษา เรียนรู้และสร้างอาชีพแก่ กลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ผ่านแอปพลิเคชัน “ONIE Online”ส่งเสริมให้ใช้ Google Classroom และพัฒนาหลักสูตรพื้นฐาน ของ กศน.ให้มีความทันสมัยครบถ้วน หลักสูตรอาชีพที่มีความหลากหลาย ยืดหยุ่น และตอบโจทย์ความต้องการและ บริบทของแต่ละพื้นที่ และนําเทคโนโลยีมาขยายผลกับแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ของ กศน. ทั้งห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราช กุมารี” 103 แห่ง และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาทั้ง 19 แห่ง
ส่วนการจัดการศึกษาของเอกชน จะขยายความร่วมมือ กับภาคีเครือข่ายแหล่งเรียนรู้ดิจิทัล“ศูนย์ Digital Learning Center ของ สช.”ที่หลากหลายมากขึ้น เข้าถึงนักเรียน นักศึกษา กศน.และประชาชนมากขึ้น โดยเน้นให้ครูใช้ระบบออนไลน์ได้อย่างชํานาญ เช่น การใช้ Zoom , Google Classroom , Facebook Live, Microsoft Team เป็นต้น เพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้ของทุกกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาระบบสวัสดิการกองทุนสงเคราะห์ออนไลน์ ให้สมาชิกได้รู้ข้อมูล ความเคลื่อนไหวและข่าวสารของกองทุน สงเคราะห์อย่างทันท่วงที
พร้อมๆ กับพัฒนาค่ายลูกเสือ 66 แห่งทั่วประเทศ ให้มีความทันสมัย นําเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วย ผลิตสื่อการเรียนรู้ การจัดแสดงนิทรรศการ แหล่งเรียนรู้ และการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัย รองรับการจัด กิจกรรมตามหลักสูตรจิตอาสา 904 สําหรับกระบวนการอบรมลูกเสือ และการอบรมลูกเสือมัคคุเทศก์
โดยได้รับจัดสรร งบประมาณปี 2563 แล้ว จํานวน 118 ล้านบาท ซึ่งจะขับเคลื่อนในค่ายลูกเสือจังหวัด 62 ค่าย และค่ายลูกเสือในกํากับ 4 ค่าย รวมทั้งพัฒนาให้มีความพร้อมสําหรับการใช้ประโยชน์ของคนทุกช่วงวัยในพื้นที่นั้นด้วย
ส่วนการสร้างงานสร้างอาชีพ เน้นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ กศน.พรีเมียม ทั้ง 231 รายการ ที่จําหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ OOCC สามารถสร้างรายได้แก่ประชาชนทุกชุมชนและพัฒนาไปสู่การจดอนุสิทธิบัตร เพื่อรักษาสมบัติของคนไทย และจะพัฒนาระบบการทํางานร่วมกันสําหรับกลุ่มบุคลากรนักวิชาชีพ ภาคประชาสังคม กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนพิการ ครอบครัว ตลอดจนผู้ดูแล ภายใต้ “การจัดการความรู้สนับสนุนเครือข่ายบูรณาการด้าน ผู้สูงอายุและคนพิการ และการบูรณาการความร่วมมือทางวิชาการและขับเคลื่อนการพัฒนาบุคลากร กศน.ให้มี ศักยภาพในการจัดกิจกรรม กศน. เพื่อร่วมสร้างสังคมสูงอายุที่มีสุขภาวะ” รองรับการเข้าสู่สังคมสูงอายุของประเทศไทย
ทั้งนี้ ในงานมีการจัดนิทรรศการผลการดำเนินงานของ 3 หน่วยงานในกำกับด้วย.-สำนักข่าวไทย