อุดรธานี 15 ก.ค.- ตำรวจเก๊ ฉุดสาวลาวขึ้นรถ หวังข่มขืน แต่ไม่สำเร็จ เปลี่ยนใจบังคับอมนกเขา พร้อมขู่ยัดยา แต่สาวไม่ยอม หนีมาได้ เจ้าตัวปฏิเสธอ้างแค่รับไปส่งบ้าน
นายธีระศักดิ์ บุตรกันหา อายุ 37 ปี ชาว ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ถูกคุมตัวไปที่ สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมของกลางเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ และรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เทา หลังจาก เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจาก น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 24 ปี ชาว สปป ลาว ว่ากลางดึกวันที่ 1 ก.ค. ระหว่างยืนรอสามีมารับหลังเลิกงานที่ร้านเนื้อย่างแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลอุดรธานี ถูกชายขับปิกอัพมาจอดถามว่าจะไปไหน ซึ่ง น.ส.เอได้ตอบกลับไปว่า บอกว่ารอแฟนมารับกลับบ้าน
น.ส.เอ เล่าต่อว่า จากนั้นชายคนดังกล่าว ได้ลงจากรถ และถามตนว่าบ้านอยู่ไหน พร้อมกับขอดูบัตรประชาชนตน แต่ตนไม่ให้ดู ชายคนคนดังกล่าวจึงอ้างว่าเป็นตำรวจสายตรวจเกี่ยวกับยาเสพติด และถามตนอีกว่าเล่นยาหรือเปล่า จากนั้นก็ดึงแขนตนขึ้นรถ ยึดโทรศัพท์มือถือ แล้วบอกว่าจะนำตัวไปส่งตำรวจที่ด่านตรวจ แต่บริเวณนั้นไม่มีการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ ชายคนดังกล่าวจึงขู่อีกว่าจะนำตัวไปส่งโรงพัก แต่กลับพาขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงหนองน้ำสาธารณะแห่งหนึ่ง ที่มืดและเปลี่ยว ชายคนดังกล่าวจึงจอดรถ แล้วก็หันมาลวนลาม กอด จูบ จับหน้าอก และพยายามถอดเสื้อผ้าตน แต่ตนขัดขืน ชายคนนี้จึงขู่อีกว่า หากตนไม่ยอมจะยัดยาบ้า 50 เม็ด ตนพยายามจะหนี แต่ชายคนดังกล่าว เปิดประตูรถฝั่งที่ตนนั่ง แล้วปรับเบาะเอนลงและพยายามจะข่มขืน แต่ตนดิ้นไม่ยอม จึงบังคับให้อมนกเขาแทน แต่ตนก็ไม่ยอม ชายคนดังกล่าวจึงช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่ ซึ่งตนได้อาศัยจังหวะคนร้ายเผลอ รีบคว้าเอาโทรศัพท์แล้ววิ่งหนี จากนั้นได้โทรหาแม่สามีให้มารับกลับบ้าน และแจ้งความดำเนินคดี
ด้านนายธีระศักดิ์ ผู้ต้องหา ให้การว่าทำงานเป็นช่างเชื่อม มีครอบครัวแล้ว ก่อนเกิดเหตุ ได้ขับรถปิกอัพไปซื้อของในตัวเมืองอุดรธานี และบังเอิญพบหญิงสาวยืนอยู่หน้าร้านอาหารคนเดียว ลักษณะคล้ายเดินหนีคนเมาก่อนข้ามถนนไปยืนที่หน้าร้านสะดวกซื้อ จึงจอดรถถามด้วยความหวังดีว่าบ้านอยู่ไหนจะไปส่ง โดยอ้างว่าตนจูงมือหญิงสาวขึ้นรถ เพื่อไปดูคนวิกลจริตไม่ได้ฉุดกระชากบังคับ และอาสาพาไปส่งบ้าน เมื่อมาถึงบริเวณหนองน้ำสาธารณะ หญิงสาวบอกให้จอดรถ แล้วจะเดินกลับบ้านเอง ซึ่งตนได้แต่มองด้วยความเป็นห่วง อีกทั้งยังอ้างว่า ขณะนั่งอยู่ในรถหญิงสาว เล่าให้ฟังว่าโดนสามีทำร้ายตลอดไม่สนใจรับ-ส่ง ยืนยันตนไม่ได้ลวนลามหรือล่วงเกินแต่อย่างใด หากตนลวนลามก็คงไม่หยุดแค่นั้น คงจะใช้ความรุนแรงบังคับข่มขืนไปแล้ว และไม่ได้อ้างตัวเป็นตำรวจแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามตำรวจไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหา และแจ้งข้อหา “พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้กลอุบาลหลอกลวงขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดหรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจ ต้องกระทำการนั้น หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”.-สำนักข่าวไทย