กรุงเทพฯ 15 ก.ค.-โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยเตรียมนำแนวทางดูแลคณะทูตแบบใหม่ให้กักกันตัวในสถานที่กักกันภาครัฐแบบรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เข้าที่ประชุม คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ วันที่ 17 ก.ค. และทบทวนมาตรการการให้ชะลอการอนุญาตการเดินทางเข้ามาในประเทศแบบผ่อนคลายมาตรการ 14 วัน ยันลูกทูตซูดานเจ้าหน้าที่เพิ่งทราบผลว่าติดโควิด-19 ก่อนเข้าที่พัก ชี้เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน
นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทยถึงกรณีการทบทวนสิทธิพิเศษทางการทูตหลังเกิดกรณีผู้ป่วยเด็กหญิงจากครอบครัวคณะทูตซูดานติดเชื้อโควิด-19 หลังจากเข้าพักที่สถานที่พำนักโดยสถานทูต ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ข้อ 1(3) โดยไม่มีการกักตัวในสถานที่ควบคุมของรัฐ ว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนมาตรการต่าง ๆ ซึ่งได้ประชุมกับศบค.ชุดเล็กแล้วเมื่อวานนี้ ว่าจะมีการทบทวนมาตรการเกี่ยวกับการดูแลคณะทูต ที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ในไทย รวมถึงคู่สมรส บิดามารดา และบุตร
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนมาตรการที่สำคัญคือ การปรับรูปแบบจากการกักกันตัวโดยสถานทูตต่างประเทศเป็นเวลา 14 วัน เป็นการเข้ากักกันตัวในสถานที่กักกันภาครัฐแบบรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง (Alternative State Quarantine) เป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรฐานที่สาธารณสุขกำหนด เพื่อความรัดกุมรอบคอบมากขึ้นสำหรับการต้อนรับบุคคลในคณะทูตต่อจากนี้ ทั้งนี้จะต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจ เตรียมพิจารณาผ่อนคลายมาตรการระยะ 5 ในวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคมนี้ เพื่อที่จะได้มีผลบังคับและแจ้งคณะทูตต่างประเทศให้ทราบถึงแนวทางปฎิบัติใหม่เพื่อดำเนินการต่อไป
“ในส่วนนี้จะมีความเข้มงวดมากขึ้น คือ คณะทูตที่จะเข้ามาต้องมีการตรวจโรคก่อนว่าปลอดโควิด-19 หรือไม่ ก่อนที่จะเข้ามา เมื่อเข้ามาจะต้องได้รับการกักตัวตาม Alternative State Quarantine เป็นเวลา 14 วัน”นายเชิดเกียรติ กล่าว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ส่วนมาตรการการให้ชะลอการอนุญาตการเดินทางเข้ามาในประเทศแบบผ่อนคลายมาตรการ State Quarantine ตามข้อกำหนดฉบับที่12 ที่กำหนดไว้ว่าจะมีชาวต่างชาติคนไหนบ้างที่ได้รับการยกเว้นให้เข้ามานั้น จะมีกลุ่มที่ชะลอไว้ก่อน คือ แขกสำคัญของประเทศ กลุ่มคณะทูต และกลุ่มที่จะเข้ามาเจรจาเปิดทางด้านเศรษฐกิจ อาจจะต้องมีการพิจารณาทบทวนกันอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การยกเลิกให้เข้ามาทั้งหมด แต่อาจจะต้องพิจารณาให้รัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการกักตัวทั้ง 14 วัน
นายเชิดเกียรติ กล่าวถึงเรื่องคณะทูตที่ได้รับเอกสิทธิ์ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมีความสมดุลระหว่างการปฏิบัติตามหลักพิธีทางการทูตตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต และการรักษาความปลอดภัยด้านสาธารณสุขภายในประเทศ ในการป้องกันโรค ที่ได้ให้ความสำคัญซึ่งตรงนี้ทางกระทรวงได้กำชับคณะทูตให้ปฎิบัติตามกฎหมายและระเบียบของประเทศผู้ต้อนรับแล้ว โดยกรมพิธีการทูตได้มีหนังสือเวียนแจ้งคณะทูตทุกแห่งในประเทศไทยได้ทราบถึงแนวทางของกระทรวงการต่างประเทศ ที่อยากเพิ่มความรัดกุมการดูแลคณะทูตที่เดินทางเข้ามาใหม่มากขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการท้วงติงทั้งที่รู้ว่าป่วยทำไมเจ้าหน้าที่ถึงปล่อยให้กลับไปยังที่พักเองไม่กักตัวในที่ควบคุมของรัฐ นายเชิดเกียรติ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทางอธิบดีกรมควบคุมโรคได้ให้ความชัดเจนแล้วว่า เมื่อคณะของนักการทูตซูดานมาถึงที่สนามบิน ได้มีการตรวจสวอฟเทส หาโรค และระหว่างที่รอผล คือยังไม่ทราบผลนั้น ทางคณะทูตได้เดินทางไปที่พักแล้ว เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจ พอทราบผลจึงได้ติดตามตัวไปที่ที่พัก และเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวเพื่อนำตัวไปโรงพยาบาลทันที ตามขั้นตอน ไม่ใช่ว่าทราบแล้วว่าติดโควิด-19 แล้วให้เดินทางไปที่ไหนก็ได้
ต่อข้อถามว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบกรณีเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยให้ไปพำนักเอง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฎิบัติตามคำสั่ง ศบค.ที่7/2563 แล้ว เมื่อเดินทางมาถึง ตามข้อบังคับ คือสามารถเข้าไปกักตัว ณ ที่พักได้ 14 วัน ซึ่งที่พักสำหรับท่านทูต จะเป็นทำเนียบท่านทูต หากเป็นเจ้าหน้าที่จะเป็นที่พักของเขาเอง.-สำนักข่าวไทย