ผบ.ตร.สั่งเชือด”แก๊งขน-ลักลอบ”แรงงานต่างด้าวให้สิ้นซาก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-ผบ.ตร.สั่งเชือดแก๊งขนแรงงานต่างด้าว-ลักลอบเข้าประเทศให้สิ้นซาก ป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มข้น


พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผย ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สนองนโยบายรัฐบาล ซึ่งได้กำชับและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการป้องกัน และลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) จากบุคคลต่างด้าวที่จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านการตรวจคัดกรองตามมาตราการที่รัฐกำหนด 

ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ซึ่งกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ กำชับ กวดขัน หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องอาทิเช่น สตม. , บช.ตชด. ,น.,ภ.1-9 ในการประสานกับหน่วยร่วมปฏิบัติด้านความมั่นคง เพิ่มความเข้มในการตรวจคัดกรอง บุคคล หรือยานพาหนะตามช่องทางจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรน และตามแนวช่องทางธรรมชาติ สกัดกั้นบุคคล หรือขบวนการขนแรงงานต่างด้าว ที่จะลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย อย่างเข้มข้น และต่อเนื่อง และกำชับให้สถานีตำรวจในพื้นที่ชั้นใน ร่วมกับฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบคัดกรองแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการ ห้างร้านต่างๆ ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และห้ามเจ้าหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด


รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการจับกุมปราบปรามการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ทั้งบุคคลต่างด้าวและนายจ้างที่เกี่ยวข้อง ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้วหลายราย

อีกทั้งจากกรณีที่สื่อมีการนำเสนอข่าวขบวนการลักลอบเข้าไทย แค่บอก เจ๊เพชร จ่าย 4,000 รอด 100% ทาง สตม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการสืบสวนสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ขอฝากเตือนไปยังบุคคล หรือขบวนการในลักษณะดังกล่าวที่ท้าทายกฎหมาย คอยอำนวยความสะดวก นำพา สนับสนุนช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว ให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร รวมไปถึงนายจ้าง และสถานประกอบการที่รับแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายเข้าทำงานซึ่งไม่ผ่านการคัดกรอง จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกราย 


โดยขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน สังเกต และเฝ้าระวัง หากพบการกระทำความผิดดังกล่าว ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว หรือหากมีผู้ได้รับความเสียหายก็สามารถไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ภาคกลางเริ่มกระทบ น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านประชาชน

น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนนเข้าท่วมบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ส่วนชุมชุนริมท่าน้ำปากเกร็ด เริ่มกระทบ