สปสช.10 ก.ค.-ผอ.สปสช.เขต 13 ให้ความมั่นใจประชาชน 2 แสนรายไม่กระทบ 18 คลินิกทุจริตเงินบัตรทอง ประสานหน่วยบริการในพื้นที่รองรับ-ย้ายสิทธิให้อัตโนมัติ
นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 13 กรุงเทพมหานคร เปิดเผยในการแถลงข่าวเรื่อง บอร์ด สปสช. ตั้งคณะกรรมการสางปัญหา “18 คลินิก ทุจริตเบิกเงินคัดกรองโรคกองทุนบัตรทอง”เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 63 ตอนหนึ่งว่า หลังจากที่บอร์ด สปสช. ได้มีมติยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการทั้ง 18 แห่งที่มีการทุจริต โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.63 ซึ่งหน่วยบริการทั้ง 18 แห่งนี้ รับผิดชอบประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอยู่กว่า 2 แสนคน จึงจะต้องหาหน่วยบริการเพื่อให้ประชาชนลงทะเบียนใหม่
นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนหน่วยบริการนั้นจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดย สปสช. ได้ประสานกับหน่วยบริการของภาครัฐในพื้นที่ เข้ามาร่วมกันดูแลประชาชนจำนวนดังกล่าว ซึ่งประชาชนมีสิทธิเข้าไปรับบริการที่หน่วยบริการที่ร่วมโครงการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขตพื้นที่กรุงเทพมหานครใกล้บ้าน อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหัน เพื่อความสะดวกของประชาชน ช่วงรอยต่อยังสามารถรับบริการที่ “คลินิกเดิม” ต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง โดย สปสช.จะเบิกจ่ายเงินด้วยระบบเบิกจ่ายอีกระบบ และตรวจสอบใกล้ชิด
“สิทธิของประชาชนทั้ง 2 แสนคนนั้นยังอยู่ เพื่อความสบายใจจึงอยากให้ประชาชนไปรับบริการในหน่วยบริการภาครัฐบริเวณใกล้เคียงก่อน แม้จะไม่ได้มีสิทธิอยู่ในหน่วยบริการนั้น แต่ก็ยังสามารถเบิกจ่ายระบบของ สปสช.ได้ตามปกติ โดยประชาชนไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และผู้ป่วยสามารถขอประวัติการรักษาจากคลินิกเดิม เพื่อนำไปรักษาต่อเนื่องยังหน่วยบริการแห่งใหม่ได้” นพ.วีระพันธ์ กล่าว
นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า ในส่วนของหน่วยบริการภาครัฐที่จะเข้ามาดูแลประชาชนกลุ่มดังกล่าวต่อ จะมีการแจ้งให้ประชาชนทราบตามฐานข้อมูลที่มีอยู่เดิม โดยการส่งข้อความทางโทรศัพท์หรือจดหมาย อย่างไรก็ตามหากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ทางสายด่วน 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงในแอปพลิเคชัน สปสช.สร้างสุข ที่สามารถใช้ในการตรวจสอบสิทธิ และจองสิทธิเพื่อเข้ารับบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคต่างๆ ได้ หรือสอบถามผ่านช่องทางไลน์ @ucbkk
นพ.วีระพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า ในอนาคตจะมีการพัฒนาระบบแอปพลิเคชันให้มากขึ้น ล่าสุดได้มีการลงนามร่วมกันธนาคารกรุงไทยและโรงพยาบาลศิริราช ในการให้ประชาชนจองสิทธิเข้ารับบริการได้ผ่านแอปพลิเคชันวอลเลท เช่นเดียวกันแอปพลิเคชันของ สปสช.ที่ในอนาคตจะมีการพัฒนาโดยสามารถใช้ในการตรวจสอบสิทธิของตนเองและบุคคลในครอบครัว ตลอดจนการย้ายสิทธิผ่านแอปพลิเคชันได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเร็วๆ นี้จะสามารถนำมาใช้งานได้เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น .-สำนักข่าวไทย