อธิบดี พช.-อดีตรองปลัด ยธ.ทำกิจกรรมเอามื้อสามัคคีเสริมแกร่งเศรษฐกิจชุมชน

ชัยนาท 6 ก.ค.- อธิบดี พช.และอดีตรองปลัด ยธ. ร่วมทำกิจกรรม “เอามื้อสามัคคี” นำชุมชนพัฒนาพื้นที่ “ศูนย์สวนดินเลี้ยงน้ำ” ต้นแบบหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” เรียนรู้วิถีวัฒนธรรมของชุมชน และการเวียนวัฏจักรสร้างสมดุลธรรมชาติ เสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนยั่งยืน



วันนี้ (6 ก.ค.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย และนายธวัชชัย ไทยเขียว อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมกิจกรรม “เอามื้อสามัคคี” ในโครงการฝึกอบรมการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมต้นแบบตามหลักทฤษฎีใหม่ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยมีนายสุรพล ท้าวพรหม ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนสระบุรี นายเสน่ห์ บุญสุข ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (อดีตพัฒนาการจังหวัดสุพรรณบุรี) นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ นายกฯฯ อบต.บ้านใหม่ อยุธยา และประธานโอทอปเทรดเดอร์ไทยแลนด์ นางเสริมศรี ศรีวงษ์ญาติดี  รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชัยนาท นายอนุสรณ์ ศรีวงษ์ญาติดี ผอ. แขวงทางหลวงสุพรรณบุรี 2 นายกิตติเชษฐ์ ทุ่งสะโร พัฒนาการอำเภอสรรคบุรี นางสุมาลี น้อยสำลี พัฒนาการอำเภอหันคา นายเกษมชัย แสงสว่าง โคก หนอง นา สามัคคี หนองหญ้าไซ สุพรรณบุรี นางลมูล จันทร์วงค์ เกษตรอำเภอสรรคบุรี นายโกวิท คงมี หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมวนศาสตร์ชุมชนที่ 5 (อุทัยธานี) พร้อมด้วยผู้นำชุมชนในพื้นที่ อาสาสมัคร และครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก ณ ศูนย์สวนดินเลี้ยงน้ำ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท


นายสุทธิพงษ์  กล่าวว่า การมาร่วมกิจกรรม “เอามื้อสามัคคี” ในโครงการฝึกอบรมการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ในการบริหารจัดการน้ำ และพื้นที่ทำการเกษตรในวันนี้ เป็นการน้อมนำในแนวทางตามหลักทฤษฎีใหม่ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ทรงพระราชทานเพื่อคนไทยและความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นการน้อมนำแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่แผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารของกรมการพัฒนาชุมชน


“โคก หนอง นา โมเดล” คือ 1 ในโครงการของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ที่น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงตาม “ศาสตร์พระราชา” มาประยุกต์สู่ “การทำเกษตรทฤษฎีใหม่” โดยแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน 30 : 30 : 30 : 10 โดย 30 % สำหรับแหล่งน้ำ ขุดบ่อทำหนอง ขุดคลองไส้ไก่ 30 % ปลูกข้าว 30 % ทำโคกหรือป่า 10% สำหรับที่อยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ซึ่งวันนี้ผมได้นำทุเรียน มะม่วงเบา ไผ่ราชินี เมล็ดข้าวโพด มาร่วมกิจกรรมเอามือสามัคคี ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนตามแนวทาง ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ปลูกพืชอาหาร แหล่งน้ำ และที่อยู่อาศัย อย่างสมดุลให้เกิดความยั่งยืน

“ผมขอขอบคุณท่านธวัชชัย ไทยเขียว อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และทุกท่านที่เข้าร่วมด้วยความสมัครสมานสามัคคีของชุมชน ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นการวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้แข็งแกร่ง  มุ่งหวังให้เกิดการแก้ปัญหาประเทศและปัญหาวิกฤตโลก ใน 3 ประเด็นที่เป็นเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือ ด้านน้ำ ด้านอาหาร และด้านพลังงาน สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนในประเทศได้ ป้องกันปัญหาและลดผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำท่วม น้ำแล้ง และน้ำเสียได้ ซึ่งกำหนดให้มีการเตรียมความพร้อมใน 4 มิติ คือ คน ความรู้ เครือข่าย และการขยายผลสู่ความยั่งยืน” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าว

ด้านนายธวัชชัย กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการฝึกอบรมการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ว่า เป็นกิจกรรมต้นแบบตามหลักทฤษฎีใหม่ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดย “ศูนย์สวนดินเลี้ยงน้ำ” แห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่สนใจจะน้อมนำเอาทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มาพัฒนาคุณภาพชีวิตตนเองต่อไป 

กิจกรรมในครั้งนี้ทุกคนร่วมกันปลูกป่า 5 ระดับ ปลูกไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง พร้อมห่มดินด้วยฟาง ,แห้งชามด้วยปุ๋ยคอก , น้ำชามด้วยน้ำหมักชีวภาพ โดยปลูกไปกว่า 400 ต้น โดยการออกแบบใช้องค์ความรู้ภูมิสังคม ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ทางทิศเหนือเป็นที่สูงเหมือนประเทศไทยมีสวนป่า มีแม่น้ำเจ้าพระยาผ่าตรงกลาง ทิศตะวันตกจะเป็นสวนป่า พื้นที่ตรงกลางฝั่งตะวันตกเป็นสวนไม้ผล เช่น ส้มโอขาวแตงกวา และอื่นๆ พร้อมแปลงผักสวนครัว ขณะพื้นที่ตรงกลางฝั่งตะวันออกเป็นนาเกษตรอินทรีย์ไว้รับประทาน หัวคันนาทองคำโดยรอบตั้งแต่หลังโคกทิศเหนือ ตะวันตก และใต้จะเป็นสวนป่า และมีไผ่อยู่รอบนอกเสมือนรั้ว ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือปลูกต้นตาลตามแนวต้นตาลเดิมของพื้นที่ข้างเคียง โดยจะปลูกพืชสวนครัวรั้วกินได้ประเภทชะอมเป็นแนวรั้ว 

นอกจากนี้ ยังมีหนองขนาดใหญ่ทิศเหนือ และทิศใต้มีคลองไส้ไก่โดยรอบ ขณะที่ตรงกลางที่เชื่อมถึงกัน ใช้เลี้ยงปลาและสัตว์น้ำ โดยมีฝ่ายกั้นเป็นระยะๆ เพื่อให้น้ำใต้ดินซึมถึงกันทั่วทั้งแปลง เพื่อให้ต้นไม้หลังปีที่สองจะเลี้ยงตนเองได้ ส่วนพื้นที่ตรงกลางมีโคกทรงกลม มีคลองไส้ไก่ล้อมรอบเสมือนศูนย์กลางจักรวาล อนาคตจะมีอาคารเล็กๆตั้งอยู่ และจะเป็นพื้นที่ “โคก หนอง นา” ฉบับย่อ 

อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ในพื้นที่ศูนย์แห่งนี้นั้นได้มีการบังคับทางเข้าทางเดียวทางทิศใต้ มีสะเดาใหญ่ตั้งอยู่ 2 ต้น ใช้แทนเสาเป็นระเบียงต้นไม้ เพื่อให้ขึ้นไปถ่ายภาพชมมุมสูงเป็นจุด Check in พื้นที่ โดยในพื้นที่ทั้งหมดจะมีจุดแสดงความผูกพันกับชุมชน และประวัติศาสตร์ เรื่องราว เรื่องเล่า เพื่อการเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมของชุมชน เช่น หนองบัว หนองบอน หนองไม้รวก บางกระบวย ท่ามะฝ่อ  ท่าควายใหญ่ และอื่นๆ 

“เป้าหมายของศูนย์สวนดินเลี้ยงน้ำ คือ ประชาชนในพื้นที่ต้องได้ประโยชน์จากศูนย์นี้ มีการต่อยอดด้านการท่องเที่ยว โฮมสเตย์ อาชีพ และวิสาหกิจชุมชน เพื่อยกระดับเพิ่มรายได้ และเป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามเกษตรทฤษฎีใหม่ฯ ให้แก่เด็กและเยาวชน ประชาชนในพื้นที่ และบุคคลทั่วไปที่สนใจอยากจะเรียนรู้ เพิ่มทักษะ ประสบการณ์ กิจกรรมยังมีต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ชุมชน ผู้สนใจอยากเรียนรู้ฯ เชิญได้ที่ศูนย์ดินเลี้ยงน้ำ” อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าวย้ำ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย