กรุงเทพฯ 6 ก.ค.-ดัน “น้อยหน่าปากช่อง” ขึ้นทะเบียนสินค้า
GI พร้อมเตรียมดัน “ทุเรียนปากช่อง” น้องใหม่ขึ้นทะเบียนเป็น
GI รายต่อไป
มั่นใจดูแลดีสร้างรายได้ให้ชุมชนแบบยั่งยืนได้แน่นอน
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าได้ลงพื้นที่พร้อมด้วยนายทศพล ทังสุบุตร
อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และคณะ ได้เยี่ยมชมแหล่งเพาะปลูกและแหล่งผลิต “น้อยหน่าปากช่อง”
ณ สวนน้อยหน่าเพชรปากช่อง บ้านหนองตาแก้ว ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง
จังหวัดนครราชสีมา
เพื่อหารือถึงแนวทางการส่งเสริมและผลักดันให้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)
เห็นว่าเป็นผลไม้ที่มีโอกาสได้รับการขึ้นทะเบียน GI ถือเป็นของดี
ของเด่นของชุมชน และมีอัตลักษณ์โดดเด่นกว่าน้อยหน่าจากพื้นที่อื่น ดังนั้น
หากได้รับการขึ้นทะเบียน GI แล้ว
คาดว่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืนได้แน่นอน และ
จากความโดดเด่นนอกจากน้อยหน่าปากช่องแล้ว
กรมทรัพย์สินทางปัญญา
ยังได้ร่วมหารือเบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ถึงความเป็นไปได้ในการส่งเสริมสินค้าใหม่ๆ
เช่น ทุเรียนปากช่อง เพื่อผลักดันให้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ในอนาคตอีกด้วย
ทั้งนี้ น้อยหน่าปากช่อง
ปลูกมากในพื้นที่อำเภอปากช่อง ซึ่งมีสภาพดินแดง
เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกน้อยหน่ามากที่สุด มีฤดูกาลผลิตในช่วง
พ.ค.-ธ.ค.ของทุกปี แบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์ คือ 1.สายพันธุ์น้อยหน่าฝ้าย
มีลักษณะตาแคบ ร่องตาลึก รสหวาน เนื้อสีขาวละเอียดครีม กลิ่นหอม
2.สายพันธุ์น้อยหน่าหนัง มีลักษณะตากว้าง ร่องตาตื้น เนื้อสีขาวละเอียดเหนียว
เปลือกร่อนได้ง่าย 3.สายพันธุ์น้อยหน่าลูกผสม มีลักษณะผลใหญ่ รูปหัวใจ ผิวค่อนข้างเรียบ
ร่องตาตื้น เปลือกบางลอกจากเนื้อได้ง่าย เนื้อเหนียว กลิ่นหอม รสชาติหวาน
นอกจากนี้
คณะยังได้เดินทางไปยังศาลาประชาคมบ้านดอนสระจันทร์ ตำบลถนนโพธิ์ อำเภอโนนไทย
จังหวัดนครราชสีมา เพื่อมอบหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียน GI สำหรับมะขามเทศเพชรโนนไทยของจังหวัดนครราชสีมาอย่างเป็นทางการ
ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ไป เมื่อวันที่ 12 พ.ค.63
โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นผู้รับมอบหนังสือรับรอง
ทำให้ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมามีสินค้า GI ที่ขึ้นทะเบียนมากที่สุดในประเทศไทยเทียบเท่าจังหวัดเชียงรายถึง
6 รายการด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม
ได้สั่งการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการประชาสัมพันธ์
และกระตุ้นการบริโภคสินค้า GI เพราะเห็นว่าสินค้า GI เป็นสินค้าท้องถิ่น
ที่มีคุณภาพ เป็นของดี ของหายากเพื่อช่วยส่งเสริมช่องทางการตลาดให้กับสินค้า GI
ทั้งการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายภายใน
ขณะที่ตลาดต่างประเทศจะเดินหน้าเร่งส่งเสริมทำควบคู่กับการผลักดันการจดทะเบียนคุ้มครอง
GI ในต่างประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้
กรมทรัพย์สินทางปัญญาขออยากฝากไปถึงพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศที่ได้ขึ้นทะเบียนสินค้า
GI ในทัองถิ่นตนเองให้รักษาคุณภาพการผลิตสินค้าให้ปลอดภัยและได้มาตรฐาน
GI เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคตลอดจนเครือข่ายการตลาด
อันจะส่งผลให้มีช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น
และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรชาวสวนโดยรวมแบบยั่งยืนได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย
