กรุงเทพ 1ก.ค.- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีสารแสดงความยินดีถึงมนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสครบรอบ 45 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน ในวันที่ 1กรกฎาคม 2563
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีสารแสดงความยินดีถึงนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนในโอกาสครบรอบ 45ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน ในวันที่ 1กรกฎาคม 2563 ดังนี้
– คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ –
สารแสดงความยินดีจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ถึงนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในโอกาสครบรอบ 45ปี แห่งการสถาปนาทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
วันที่ 1กรกฎาคม 2563
ฯพณฯ
ในฤกษ์งามยามดีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนครบรอบ ๔๕ ปีในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ข้าพเจ้ามีความยินดีที่จะส่งความยินดีอย่างจริงใจและความปรารถนาดีถึงท่าน และผ่านท่านไปยังรัฐบาลและประชาชนของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ตลอด 45ปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศของไทยและกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้มีบทบาทสำคัญในการบ่มเพาะความสัมพันธ์ไทย – จีน จนพัฒนาไปสู่การเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านที่มีความพิเศษและสดใส บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจกัน การเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจสำหรับมิตรภาพ ตลอดจนเวลาและพลังงานที่ท่านได้ทุ่มเทเพื่อทะนุบำรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ในส่วนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีสารแสดงความยินดีมาในโอกาสนี้และได้เห็นถึงความสัมพันธ์ไทย – จีนที่เฟื่องฟูในทุกระดับและทุกมิติ ในฐานะผู้ที่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแต่ละช่วงเวลาของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเราทั้งสองประเทศในระหว่างการดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างปี 2543- 2547และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในปัจจุบัน
ความสัมพันธ์ที่แข็งเกร่งและความร่วมมือที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องระหว่างไทยกับจีนเกิดจากความปรารถนาของทั้งสองประเทศที่จะร่วมมือกันในสาขาที่เป็นความสนใจร่วมกันและเป็นผลประโยชน์ร่วมของทั้งสองฝ่าย ทั้งไทยและจีนต่างก็ได้รับประโยชน์จากความร่วมมือที่เข้มแข็งตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศและการส่งเสริมความอยู่ดีกินดีของประชาชนของทั้งสองประเทศ ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยปริมาณการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้นมากกว่า 12เท่าจากปี 2543 ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนสูงสุดหากเทียบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเยือนไทย ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนก็เติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านความร่วมมือที่แข็งขันในด้านการศึกษา วัฒนธรรม และกรอบความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องที่เพิ่มขึ้นกว่า 40คู่ ซึ่งช่วยให้ไทยและจีนสามารถบ่มเพาะความเข้าใจซึ่งกันและกัน เสริมสร้างสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพ และกระชับความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ให้แนบแน่นยิ่งขึ้นต่อไป
พัฒนาการของความสัมพันธ์ไทยกับจีนเหล่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากรากฐานที่มั่นคงที่รัฐบาลของเราทั้งสองได้ร่วมกันวางไว้จากการแลกเปลี่ยนการเยือนอย่างสม่ำเสมอของผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูง ตลอดจนการปรึกษาหารืออย่างใกล้ชิดผ่านการหารือเชิงยุทธศาสตร์และการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับรัฐบาลระดับมณฑลต่าง ๆ ของจีน ข้าพเจ้ายินดีเป็นอย่างยิ่งกับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยตอกย้ำความเป็นหุ้นส่วนและความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือต่อไปเพื่อการพัฒนาของประเทศและประชาชนของเรา รวมทั้งช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายที่มีร่วมกันในการสร้างความกลมเกลียวและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนได้ผ่านการทดสอบจากกาลเวลาและความท้าทายต่าง ๆ ความเอื้ออาทรที่หลั่งไหลมาจากรัฐบาล ภาคธุรกิจ และประชาชนของทั้งสองประเทศในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อเอาชนะสถานการณ์ COVID-19 ได้ช่วยทำให้สายสัมพันธ์และความผูกพันระหว่างทั้งสองประเทศลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การระลึกถึงการครบรอบ 45ปีความสัมพันธ์จีน – ไทยเป็นช่วงเวลาที่จะได้เฉลิมฉลองความสำเร็จที่ผ่านมาและร่วมกันแสวงหาหนทางที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันเพื่ออนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น ในการนี้ ไทยมุ่งหวังที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับจีนเพื่อเสริมสร้างการเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญและก้าวหน้า พร้อมกับสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีนในกรอบอนุภูมิภาคและภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาเซียน – จีน ความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (MLC) และยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (ACMECS) ตลอดจนความมุ่งมั่นของจีนในการเป็นมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบของโลก
ขอแสดงความนับถือ
นายดอน ปรมัตถ์วินัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ