กทม.26 มิ.ย.-ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุกแกนนำ นปช.คนละ 2 ปี 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา จัดม็อบชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปี 50
โดยศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลย ในคดีนี้เป็นการวางแผนล่วงหน้า ในการนำมวลชนไปใช้กำลังประทุษร้ายและขัดขวาง การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเกิดการปะทะกัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นการสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสั่งให้ยุติการชุมนุมแล้วถึง 3 ครั้ง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังใช้ก้อนหิน ก้อนอิฐขว้างปาเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้ในเวลานั้นตำรวจใช้ สเปรย์พริกไทย กระบอง และแก๊สน้ำตา ควบคุมสถานการณ์ ถือว่าเป็นไปด้วยชอบแล้ว และไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ที่จำเลยยื่นฎีกาขอให้ศาลลงโทษสถานเบานั้น ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษ ฎีกาฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก จำเลยที่ 1 นายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006,และจำเลยที่ 4-7 คือนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และนพ.เหวง โตจิราการ คนละ 2 ปี 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่10คนขึ้นไปใช่กำลังปทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้สั่งการ ,ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังขู่เข็ญ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก (จำเลยที่ 2 และ 3 ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง)
นายจตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในแกนนำกลุ่ม นปช.ที่เดินทางมาให้กำลังใจ บอกภายหลังฟังคำพิพากษาว่า ตนและคณะได้พูดกันมาตลอดว่า การต่อสู้ไม่ตายก็ติดคุก และวันนี้(26 มิ.ย.)หลังศาลมีคำพิพากษาจำคุก ทุกคนก็น้อมรับ ตนและคนที่เหลืออยู่ในสำนวนที่ 2 แตกต่างกันในเรื่องวันเวลาเท่านั้น และตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ก็เข้า-ออกคุกสลับกันเสมอ วันนี้ ตนยังมีเวลาเหลืออยู่ ที่จะต้องกลับไปจัดการกับชีวิตทั้งเรื่องส่วนตัว ส่วนรวม และสุขภาพ เพราะยังไงก็หนีไม่พ้น และไม่มีทิศทางเป็นอย่างอื่น ซึ่งจะต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และน้อมรับคำพิพากษาของศาลโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด.-สำนักข่าวไทย
