ทำเนียบฯ 24 มิ.ย.-“พล.อ.ประวิตร” สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบขยายผลหาความเชื่อมโยงพบอาวุธสงคราม เกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่ ยันคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันโควิด-19 ไม่เกี่ยวการเมือง ย้ำแกนนำ พปชร.มาพบที่มูลนิธิฯ ป่ารอยต่อ ไม่ขัดวัตถุประสงค์มูลนิธิฯ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดอาวุธสงครามจำนวนมาก บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดตาก ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด หรือเพื่อสร้างสถานการณ์ทางการเมือง ว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งได้กำชับให้ทุกพื้นที่ระวังป้องกันเหตุร้าย ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าเชื่อมโยงกับการเมืองนั้น กำลังตรวจสอบอยู่และรอรายงานของเจ้าหน้าที่ และได้กำชับให้ดูว่ามีการขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ หรือไม่ และเป็นอาวุธของใคร มาจากใคร
เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นการ ซื้อขายอาวุธปกติทั่วไปตามชายแดนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราก็ไม่รู้ ต้องดูกันอีกที เมื่อถามว่า การพบอาวุธสงครามนี้ทำให้ต้องกังวลความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงนี้หรือไม่
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองไม่มีอะไรน่าห่วง ส่วนการแสดงกิจกรรมความเคลื่อนไหวทางการเมืองในโอกาส 24 มิถุนายน วันครบรอบ 88 ปี การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของกลุ่มต่าง ๆ นั้น สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ขออย่าทำผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าจะขยายผลต่อจากนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องดูและติดตามสถานการณ์ต่อไป ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่จะยังบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บังคับใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์ รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงกรณีที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางไปเชิญเพื่อนั่งเป็นหัวหน้าพรรค พปชร. ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ไม่มีความเหมาะสม นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะการเดินทางมาหา เนื่องจากรู้ว่าตนอยู่ที่ไหน จึงได้เดินทางมาหา ไม่ได้มาประชุมอะไร พร้อมย้ำว่า ไม่ได้นำมูลนิธิฯ มาเกี่ยวข้องกับการเมือง
เมื่อถามว่า ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ จะไปร่วมการประชุมใหญ่สามัญของพรรค พปชร.เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และหัวหน้าพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถามดังกล่าว
ด้าน พล.ท. ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 (ฉก.ร.4) เป็นหน่วยปฏิบัติในการเข้าไปจับกุม ข้อมูลที่มีเป็นเพียงข้อมูลในเบื้องต้น ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนขยายผล ขณะนี้ได้ส่งตัวทั้ง 2 คนไปที่ส่วนกลางแล้ว เพื่อให้ตำรวจสืบสวนหาข้อมูลเชิงลึกต่อไป โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธต่าง ๆ ที่ยึดได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการนำไปก่อความไม่สงบหรือไม่ เพราะอาวุธบางประเภท เช่น เอ็ม 79 ในอดีตเคยมีประวัติในการนำไปใช้ในการก่อเหตุในช่วงที่ผ่านมาหลายเหตุการณ์ หาซื้อไม่ยากนัก นอกจากนั้น ยังมีประเด็นในเรื่องการนำอาวุธเพื่อไปแลกยาเสพติดหรือไม่ เพราะในการจับการค้าอาวุธสงคราม จะมีกรณีแบบนี้อยู่ แต่ทั้งหมดต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะผู้ต้องหาเป็นคนไทย ไม่ใช่ต่างด้าว คงซักถามและสอบสวนได้ตามปกติ.-230,237 (225) สำนักข่าวไทย