“วราวุธ” ยันไม่มีนำไม้จากบ้านบอมเบย์ เบอร์มา ไปขายร้านขายของเก่า

รัฐสภา 24 มิ.ย.-“วราวุธ” ขอโทษชาวแพร่ รื้อบ้านบอมเบย์เบอร์มา โดยไม่ถามความเห็น พร้อมรับผิดชอบ ยืนยันไม่มีการนำไม้เก่าจากอาคารไปขายร้านขายของเก่า มีคนเฝ้าไม้ตลอด 24 ชม.


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (24 มิ.ย.) มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม  พิจารณากระทู้ถามด้วยวาจาต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของนายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.แพร่ พรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ เป็นงบประมาณ  6.7 ล้านบาท กรณีที่มีการรื้อถอนอาคารโบราณ ซึ่งเป็นอาคารที่ทำการเก่าของบริษัท บอมเบย์ เบอร์มา เทรดดิ้ง ซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองแพร่ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ริมแม่น้ำยม 

“กรณีดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์ที่ไม่เหมาะสมในการดำเนินการดังกล่าวเป็นอย่างมาก  เนื่องจากการทำงบประมาณในการบูรณะที่มีการรื้อ และการใช้รถแม็คโคร โดยที่ไม่มีการถอดแบบที่ถูกต้องทางวิชาการ  ไม่ดูแลไม้เดิมอาคารนี้ตามโครงสร้าง ซึ่งควรจะซ่อมแซม และให้กรมศิลปากรและให้พี่น้องประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น” นายเอกการ กล่าว   


นายเอกการ กล่าวว่า ตามกฎหมายคุ้มครองอาคารโบราณ อาคารหลังนี้เข้าองค์ประกอบการเป็นโบราณสถานตามกฎหมายทุกประการ แม้จะไม่ได้อยู่ในเขตอนุรักษ์เมืองเก่า แต่มีอายุ 100 ปีขึ้นไปถือว่า เป็นโบราณสถานที่ต้องขออนุญาตทางกรมศิลปากร  แต่ไม่มีการทำตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น ทำให้เกิดความเสียหายต่ออาคารโบราณแห่งนี้   

“จึงขอถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงวัตถุประสงค์ในการซ่อมแซมครั้งนี้ รวมถึง กระบวนการที่ถูกต้องในการปรับปรุงอาคารที่เป็นโบราณสถานว่ากระทรวงมีนโยบายอย่างไร และเหตุใด ทำไมโบราณสถานที่เป็นประวัติศาสตร์ของเมืองแพร่ถูกทำลาย” นายเอกการ กล่าว 

นายเอกการ กล่าวว่า  ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ถูกรื้อถอนเป็นที่เรียบร้อย  และการรื้อถอนไม่เป็นไปตามรูปแบบของการบูรณะอาคารโบราณ จึงตจ้องการให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างสำหรับอาคารสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นต่างๆ ที่ควรจะได้รับการดูแลปรับปรุงอย่างถูกต้อง และที่สำคัญที่สุดได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริงก่อนที่จะดำเนินการใดๆ


ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงว่า   การซ่อมแซมและบูรณะอาคารหลังนี้ มีแนวคิดตั้งแต่ปี 2561 แต่ไม่ได้งบประมาณ พึ่งมาได้งบประมาณในปี 2563 จากนั้น ผู้ว่าฯ แพร่มอบหมายให้กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชดูแลเรื่องการซ่อมแซม โดยมอบหมายต่อให้พื้นที่เริ่มดำเนินการ แต่กลับเกิดเหตุการณ์ให้ชาวแพร่เสียใจ เมื่อเหตุอาคารบอมเบย์เบอร์มาหายไป เหลือแต่กองไม้ ยอมรับว่า สิ่งที่ผิดพลาดคือ การดำเนินการที่ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน 

“สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดที่ คำว่า เสียใจ คงจะไม่พอ คำว่า ขอโทษ คงจะไม่พอ จึงต้องมีการตรวจสอบ ผมขอให้กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร และเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน อธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ได้ย้ายหัวหน้าสวนรุกขชาติเชตวันออกจากพื้นที่ไปแล้ว จะผิดจะถูกอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ต้องมีการย้ายออกจากพื้นที่ไปก่อน และหลังจากนั้นก็จะมีการสอบสวน การสอบสวนก็จะเป็นส่วนหนึ่ง” นายวราวุธ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายวราวุธ กล่าวว่า หัวใจสำคัญคือการเยียวยาความรู้สึก และจิตวิญาณของชาวจังหวัดแพร่ อาคารหลังนี้ ได้รับการปรับปรุง มีแผนการจะปรับปรุง แต่ต้องกราบขออภัยที่ไม่ได้พูดคุยและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยชัดเจน  ตนก็รับไม่ได้เช่นกัน  พรรคชาติไทยพัฒนาก็มีอาคารเก่าเช่นนี้อยู่ในที่ทำการของพรรค ดังนั้น การดำเนินการที่เกิดขึ้นในจังหวัดแพร่ เป็นการดำเนินการที่ขาดความรอบคอบ ไม่คำนึงถึงหัวใจของชาวแพร่ 

“จากนี้ไป กรมอุทยานฯ ขอรับผิดชอบเรื่องงบประมาณที่เกิดขึ้น รวมทั้ง การประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวแพร่มาหารือร่วมกัน เพื่อให้อาคารหลังนี้กลับมาขึ้นใหม่” นายวราวุธ กล่าว

จากนั้น นายเอกการ กล่าวว่า เห็นด้วยกับคำตอบของรัฐมนตรีที่สั่งย้ายหัวหน้าสวนรุกขชาติออกไป  แต่ต้องการถามต่อถึงการปรับปรุงรื้อถอนอาคารที่เกิดขึ้น  กระทรวงได้มีการตรวจสอบถามถูกต้องเช่นไร ตลอดจนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ และจะมีแนวทางในการฟื้นฟูอาคารสถานตลอดจนการฟื้นฟูความรู้สึกของชาวจังหวัดแพร่เป็นอย่างไร 

“ชาวจังหวัดแพร่เข้าใจดีว่า อาคารถูกรื้อถอนไปแล้ว แต่ยังอยากทราบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับงบประมาณ และมาตรการที่จะรับผิดชอบ การลงโทษต่างๆ ที่ชาวจังหวัดแพร่พึงพอใจ ส่วนไม้ที่รื้อถอนออกมา  มีข้อสังเกตว่ายังมีอยู่ครบหรือไม่ และสมบัติที่ประกอบอยู่ในอาคารถูกย้ายไปที่ใด มีการอนุมัติงบโปร่งใสหรือไม่” นายเอกการ กล่าว

ขณะที่ นายวราวุธ ยืนยันว่า ได้รับรายงานมาว่า ไม้ของอาคารบอมเบย์ เบอร์มา ยังอยู่ครบ ก่อนหน้านี้ที่มีเหตุดราม่าว่า มีไม้จากอาคารดังกล่าวไปขายที่ร้านขายของเก่าแล้ว  เป็นการเข้าใจผิดกัน เพราะเป็นไม้เก่าจากโรงเรียนแห่งหนึ่ง ไม่ใช่จากอาคารบอมเบย์ เบอร์มา ส่วนไม้ของตัวอาคารบอมเบย์ เบอร์มา มีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าแล้ว มีติดตั้งกล้องวงจรปิดเฝ้าระวังตลอด ส่วนบทลงโทษของผู้กระทำความผิด  จะเป็นไปตามระเบียบของราชการ ส่วนงบประมาณที่ได้มา เป็นการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจังหวัดเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว แต่ยืนยัน จะขอรับเป็นการบ้านไปสอบถามจังหวัดว่า มีส่วนร่วมในการพิจารณางบประมาณก้อนนี้อย่างไร เพราะทางกระทรวงไม่ได้เป็นผู้ตั้งงบประมาณในส่วนนี้แต่อย่างใด.- สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]