นายกฯ ไม่ปรับครม

กระทรวงกลาโหม 22 มิ.ย.- นายกฯ ยืนยันยังไม่ปรับครม. พร้อมย้ำไม่มีใครต่อรองเก้าอี้ได้ เผย “พล.อ.ประวิตร” ไม่เคยบอกอยากเป็นหัวหน้าพปชร. แต่ถ้าจำเป็นจะทำให้ดีที่สุด


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงแถลงการณ์ เรื่อง “วิธีการทำงานแบบ New Normal ของนายกรัฐมนตรี” เชิญชวนประชาชนร่วมกันสร้างชาติผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า ทุกคนอาจสงสัยสิ่งที่ตนพูดว่าคืออะไร ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ New Normal คือสุขภาพ สาธารณสุข ความสุขของประชาชน ส่วนแนวคิดรวมไทยสร้างชาติคือทุกคนต้องทำงานร่วมกันผ่านการมีส่วนร่วม 

“ประชาชนมีส่วนร่วมกับการเมืองกับรัฐบาลอยู่แล้ว ผ่านการเลือกตั้งให้ ส.ส.เข้ามาเป็นตัวแทน และมาเป็นรัฐบาล ขณะที่ขั้นตอนแผนงานต่าง ๆ ถูกเสนอมาจากระดับพื้นที่ แต่หากจะมีคนทำให้เกิดปัญหาถือเป็นเรื่องของบุคคล  อีกทั้งมีการแบ่งอำนาจการบริหารอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เช่น การกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งทั้งหมดล้วนมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น หากกลไกลทั้งหมดนี้ทำงานอย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพ ไม่ทุจริต จะเป็นแนวทางไทยสร้างชาติอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ให้รัฐมนตรีทุกคนนำแนวทางไปขับเคลื่อนต่อยอด โดยรัฐบาลมีแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินแนวใหม่ไว้อยู่แล้ว หากเข้าไปค้นในโซเซียลมีเดียจะพบว่ารัฐบาลชุดที่แล้วมีแผนตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งครอบคลุมทั้งเรื่องการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม การบริหารราชการแบบแนวนอน ขอให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้เพื่อจะได้ต่อยอดและขยายแนวทางให้ประชาชนอย่างทั่วถึง ทุกอย่างมีแนวทางอยู่แล้ว ขอเพียงอย่าทำนอกระบบ อย่าทำให้เกิดการทุจริต 

“ผมเข้าใจว่าคนย่อมมีสองฝ่าย หากหลายคนบอกว่าไว้ใจนายกรัฐมนตรี ผมก็ขอบอกคุณ หากถามต่อผมไว้ใจข้าราชการหรือไม่ ผมก็ต้องตอบว่าไว้ใจ แต่บ้านเมืองยังมีโจรผู้ร้าย ดังนั้น จะทำอย่างไรให้บุคคลเหล่านี้หมดไป ทั้งนี้ การเมืองต้องอยู่กับระบบราชการ เพราะเราเป็นประชาธิปไตย ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากฝ่ายการเมือง เป็นอย่างดี เพราะผมยืนยันอยู่แล้วว่าไม่ต้องการทุจริต ไม่ต้องการผลประโยชน์ แต่ต้องการรักษากฏหมาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

ส่วนที่ระบุให้นักการเมืองต้องก้าวข้ามเกมการเมือง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำว่าเกมการเมืองในความหมายของตนคือทำอย่างไรให้การเมืองกับการบริหารราชการแผ่นดินไม่มาพันกัน ซึ่งการบริการราชการแผ่นดิน คือกลไกลเลือกตั้ง ส.ส.และมาเป็นรัฐบาลเป็นคณะรัฐมนตรี และบริหารราชการแผ่นดินตามยุทธศาสตร์ชาติ ตามนโยบายที่ให้ไว้ 12 ข้อ เดินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า  ไม่ทุจริต คือการบริหารราชการแผ่นดิน 


“การเมืองเป็นเรื่องของการเลือกกรรมการบริหารพรรค เรื่องการคัดเลือกใครเป็นรัฐมนตรีเป็นเรื่องของเขา อย่าเอาอันนั้นมาตีกันตรงนี้ จะเอาตรงนั้นมากดดันผมไม่ได้ เพราะผมเคารพในสัดส่วนของแต่ละพรรคการเมืองอยู่แล้ว แต่บางส่วนผมจำเป็นต้องบริหารเอง เข้าใจหรือไม่ ไม่ใช่จะตั้งกันมาจนเกินคณะรัฐมนตรีแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

เมื่อถามว่าแต่นักการเมืองยังคงเคลื่อนไหวประเด็นปรับครม.  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ปรับเวลานี้  ข่าวการปรับครม.ที่ออกมาเวลานี้ ให้ไปถามนักการเมืองที่พูด ส่วนที่รัฐมนตรีบางคนกลัวโดนยึดเก้าอี้ ก็ต้องไปถามเขาว่าใครจะไปยึดของเขา 

ส่วนกรณีที่นายมงคลกิตต์ สุขสินธรานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลน์ ระบุว่าพร้อมเป็นรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เฮอะ เอาเถอะ เธอก็เป็นสิ” 

เมื่อถามย้ำข่าวการเมืองทำให้นายกรัฐมนตรีเสียสมาธิหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ไม่หรอก ยังดีอยู่ ยังมีกำลังใจจากประชาชน นักการเมืองหลายคนก็ดีกับตน คำว่าดีกับตนคือให้ความร่วมมือดี คือพูดอะไรก็ฟังกัน ต่างคนต่างฟังกัน 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐเป็นหัวหน้าพรรค ได้ให้กำลังใจหรือไม่ ว่า พล.อ.ประวิตรมีกำลังใจดีอยู่แล้ว โดยรับปากว่าหากมีความจำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้ดีที่สุด ถ้าถามว่าพล.อ.ประวิตรต้องการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่เคยบอกว่าอยากเป็น แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็น อาจจะต้องเป็น  

ส่วนกระแสข่าวพล.อ.ประวิตรจะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเพื่อขัดตาทัพ ทำภารกิจบางอย่าง นายกรัฐมนตรี ย้อนถามว่า ภารกิจบางอย่างคืออะไร ผู้สื่อข่าวขยายความว่าเป็นภารกิจสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการแบ่งก๊ก แบ่งเหล่าในพรรค ซึ่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐทำกันเอง แล้วควรจะเป็นก๊กกันหรือไม่  

“ทำอย่างไรถึงจะลดลาวาศอกกันลงบ้าง ผมคิดว่าเขาก็ฟังผม นี่คือสิ่งที่ใครก็ตามที่ไปเป็นหัวหน้าพรรคต้องทำหน้าที่นี้ให้สงบเรียบร้อย ไม่ใช่ทุกคนพยายามจะมีกลุ่ม มีพวกกันเยอะ ๆ เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง มันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของพรรค จะเสนอหรือใครจะเป็นอะไรต้องเป็นเรื่องของพรรค แล้วนายกฯจะคัดกรองอีกที ส่วนตัวผมยังไม่คิดเรื่องนั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และยืนยันว่าเรื่องการปรับครม.ไม่มีใครจะมาต่อรองกับผมได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวคุยไลน์กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ว่า ใครเป็นคนเขียน เราบอกแต่เพียงว่ายังไม่ได้ปรับตอนนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ปรับในวันหน้า 

เมื่อผู้สื่อข่าวพยามยามขอให้นายกรัฐมนตรี ช่วยเปิดหน้ากากอนามัยแล้วพูดดัง ๆ ให้ชัดว่ายังไม่ปรับครม.ในเวลานี้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พูดไปอย่างนี้ หูตึงกันหรืออย่างไร.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]