กระทรวงกลาโหม 22 มิ.ย.- นายกฯ ยืนยันยังไม่ปรับครม. พร้อมย้ำไม่มีใครต่อรองเก้าอี้ได้ เผย “พล.อ.ประวิตร” ไม่เคยบอกอยากเป็นหัวหน้าพปชร. แต่ถ้าจำเป็นจะทำให้ดีที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงแถลงการณ์ เรื่อง “วิธีการทำงานแบบ New Normal ของนายกรัฐมนตรี” เชิญชวนประชาชนร่วมกันสร้างชาติผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า ทุกคนอาจสงสัยสิ่งที่ตนพูดว่าคืออะไร ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ New Normal คือสุขภาพ สาธารณสุข ความสุขของประชาชน ส่วนแนวคิดรวมไทยสร้างชาติคือทุกคนต้องทำงานร่วมกันผ่านการมีส่วนร่วม
“ประชาชนมีส่วนร่วมกับการเมืองกับรัฐบาลอยู่แล้ว ผ่านการเลือกตั้งให้ ส.ส.เข้ามาเป็นตัวแทน และมาเป็นรัฐบาล ขณะที่ขั้นตอนแผนงานต่าง ๆ ถูกเสนอมาจากระดับพื้นที่ แต่หากจะมีคนทำให้เกิดปัญหาถือเป็นเรื่องของบุคคล อีกทั้งมีการแบ่งอำนาจการบริหารอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เช่น การกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งทั้งหมดล้วนมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น หากกลไกลทั้งหมดนี้ทำงานอย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพ ไม่ทุจริต จะเป็นแนวทางไทยสร้างชาติอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ให้รัฐมนตรีทุกคนนำแนวทางไปขับเคลื่อนต่อยอด โดยรัฐบาลมีแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินแนวใหม่ไว้อยู่แล้ว หากเข้าไปค้นในโซเซียลมีเดียจะพบว่ารัฐบาลชุดที่แล้วมีแผนตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งครอบคลุมทั้งเรื่องการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม การบริหารราชการแบบแนวนอน ขอให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้เพื่อจะได้ต่อยอดและขยายแนวทางให้ประชาชนอย่างทั่วถึง ทุกอย่างมีแนวทางอยู่แล้ว ขอเพียงอย่าทำนอกระบบ อย่าทำให้เกิดการทุจริต
“ผมเข้าใจว่าคนย่อมมีสองฝ่าย หากหลายคนบอกว่าไว้ใจนายกรัฐมนตรี ผมก็ขอบอกคุณ หากถามต่อผมไว้ใจข้าราชการหรือไม่ ผมก็ต้องตอบว่าไว้ใจ แต่บ้านเมืองยังมีโจรผู้ร้าย ดังนั้น จะทำอย่างไรให้บุคคลเหล่านี้หมดไป ทั้งนี้ การเมืองต้องอยู่กับระบบราชการ เพราะเราเป็นประชาธิปไตย ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากฝ่ายการเมือง เป็นอย่างดี เพราะผมยืนยันอยู่แล้วว่าไม่ต้องการทุจริต ไม่ต้องการผลประโยชน์ แต่ต้องการรักษากฏหมาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนที่ระบุให้นักการเมืองต้องก้าวข้ามเกมการเมือง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำว่าเกมการเมืองในความหมายของตนคือทำอย่างไรให้การเมืองกับการบริหารราชการแผ่นดินไม่มาพันกัน ซึ่งการบริการราชการแผ่นดิน คือกลไกลเลือกตั้ง ส.ส.และมาเป็นรัฐบาลเป็นคณะรัฐมนตรี และบริหารราชการแผ่นดินตามยุทธศาสตร์ชาติ ตามนโยบายที่ให้ไว้ 12 ข้อ เดินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ไม่ทุจริต คือการบริหารราชการแผ่นดิน
“การเมืองเป็นเรื่องของการเลือกกรรมการบริหารพรรค เรื่องการคัดเลือกใครเป็นรัฐมนตรีเป็นเรื่องของเขา อย่าเอาอันนั้นมาตีกันตรงนี้ จะเอาตรงนั้นมากดดันผมไม่ได้ เพราะผมเคารพในสัดส่วนของแต่ละพรรคการเมืองอยู่แล้ว แต่บางส่วนผมจำเป็นต้องบริหารเอง เข้าใจหรือไม่ ไม่ใช่จะตั้งกันมาจนเกินคณะรัฐมนตรีแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่าแต่นักการเมืองยังคงเคลื่อนไหวประเด็นปรับครม. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ปรับเวลานี้ ข่าวการปรับครม.ที่ออกมาเวลานี้ ให้ไปถามนักการเมืองที่พูด ส่วนที่รัฐมนตรีบางคนกลัวโดนยึดเก้าอี้ ก็ต้องไปถามเขาว่าใครจะไปยึดของเขา
ส่วนกรณีที่นายมงคลกิตต์ สุขสินธรานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลน์ ระบุว่าพร้อมเป็นรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เฮอะ เอาเถอะ เธอก็เป็นสิ”
เมื่อถามย้ำข่าวการเมืองทำให้นายกรัฐมนตรีเสียสมาธิหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่หรอก ยังดีอยู่ ยังมีกำลังใจจากประชาชน นักการเมืองหลายคนก็ดีกับตน คำว่าดีกับตนคือให้ความร่วมมือดี คือพูดอะไรก็ฟังกัน ต่างคนต่างฟังกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐเป็นหัวหน้าพรรค ได้ให้กำลังใจหรือไม่ ว่า พล.อ.ประวิตรมีกำลังใจดีอยู่แล้ว โดยรับปากว่าหากมีความจำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้ดีที่สุด ถ้าถามว่าพล.อ.ประวิตรต้องการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่เคยบอกว่าอยากเป็น แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็น อาจจะต้องเป็น
ส่วนกระแสข่าวพล.อ.ประวิตรจะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเพื่อขัดตาทัพ ทำภารกิจบางอย่าง นายกรัฐมนตรี ย้อนถามว่า ภารกิจบางอย่างคืออะไร ผู้สื่อข่าวขยายความว่าเป็นภารกิจสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการแบ่งก๊ก แบ่งเหล่าในพรรค ซึ่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐทำกันเอง แล้วควรจะเป็นก๊กกันหรือไม่
“ทำอย่างไรถึงจะลดลาวาศอกกันลงบ้าง ผมคิดว่าเขาก็ฟังผม นี่คือสิ่งที่ใครก็ตามที่ไปเป็นหัวหน้าพรรคต้องทำหน้าที่นี้ให้สงบเรียบร้อย ไม่ใช่ทุกคนพยายามจะมีกลุ่ม มีพวกกันเยอะ ๆ เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง มันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของพรรค จะเสนอหรือใครจะเป็นอะไรต้องเป็นเรื่องของพรรค แล้วนายกฯจะคัดกรองอีกที ส่วนตัวผมยังไม่คิดเรื่องนั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และยืนยันว่าเรื่องการปรับครม.ไม่มีใครจะมาต่อรองกับผมได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวคุยไลน์กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ว่า ใครเป็นคนเขียน เราบอกแต่เพียงว่ายังไม่ได้ปรับตอนนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ปรับในวันหน้า
เมื่อผู้สื่อข่าวพยามยามขอให้นายกรัฐมนตรี ช่วยเปิดหน้ากากอนามัยแล้วพูดดัง ๆ ให้ชัดว่ายังไม่ปรับครม.ในเวลานี้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พูดไปอย่างนี้ หูตึงกันหรืออย่างไร.-สำนักข่าวไทย