บุรีรัมย์ 21 มิ.ย. – เขื่อนลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ แหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปา กลายเป็นสีเขียวและมีกลิ่นเหม็น ชาวบ้านไม่กล้าใช้ กลัวอันตราย วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ พร้อมเร่งแก้ไข
เกิดปรากฏการณ์น้ำในเขื่อนลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ แหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาหล่อเลี้ยงประชาชน สถานที่ราชการ ร้านอาหาร สถานประกอบการต่างๆ ในตัว อ.โนนดินแดง ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด กลายเป็นสีเขียวและมีกลิ่นเหม็นโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ชาวบ้านไม่กล้านำไปประกอบอาหาร ต้องซื้อน้ำจากพ่อค้ารถเร่มาประกอบอาหารแทน บางคนใช้อาบก็เกิดผื่นคันตามตัว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบว่าน้ำกลายเป็นสีเขียวเกิดจากสาเหตุอะไร พร้อมเร่งหาแนวทางแก้ไข เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้น้ำประปาที่สะอาดได้ตามปกติโดยเร็วด้วย
นางเรณู วงที แม่ค้าที่เขื่อนลำนางรอง บอกว่า เมื่อเช้าเข้าห้องเห็นน้ำประปาเป็นสีเขียวและมีกลิ่นเหม็น ก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร พอลูกค้าเดินลงมาเล่นน้ำที่เขื่อนบอกว่าน้ำในเขื่อนมีสีเขียว ลูกค้าบางคนก็ลงเล่น แต่บางคนไม่กล้าเล่น เพราะกลัวจะเป็นอันตราย ส่วนที่ร้านก็ไม่กล้านำน้ำไปใช้ประกอบอาหาร ต้องซื้อน้ำมาประกอบอาหารแทน ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นน้ำเป็นสีเขียวแบบนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและแก้ไข เพราะนอกจากจะใช้น้ำประกอบอาหารแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย
ขณะที่นางเนรัญชรา เตชะวันโด และนางอรุณ ชูรัตน์ ชาวบ้านโนนดินแดง บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นน้ำกลายเป็นสีเขียวและมีกลิ่นเหม็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว บางคนอาบแล้วมีอาการแพ้เป็นผื่นคันตามตัว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและแก้ไขอย่างเร่งด่วนด้วย เพราะจำเป็นต้องใช้น้ำประปา
ประชาชนจากหลายหมู่บ้านในเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ ต่างพากันนำถังและภาชนะที่มีอยู่ใส่รถยนต์และรถจักรยานยนต์มาเข้าคิวรอเติมน้ำฟรี ที่สถานีผลิตน้ำห้วยจระเข้มาก เนื่องจากอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากและห้วยตลาด แหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาหล่อเลี้ยงตัวเมืองบุรีรัมย์ แห้งขอดจนสูบขึ้นมาผลิตประปาไม่ได้ ทางชลประทานและการประปาส่วนภูมิภาคต้องวางท่อสูบส่งน้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำห้วยสวาย อ.กระสัง ระยะเวลา 19 กิโลเมตรเศษ มาผลิตน้ำประปาแทน แต่ก็ไม่เพียงพอต่อปริมาณการใช้น้ำของประชาชนและเขตเศรษฐกิจในตัวเมือง เพราะสูบส่งน้ำมาได้เพียงวันละ 20,000 ลูกบาศก์เมตร จากปริมาณการใช้วันละประมาณ 42,000 ลูกบาศก์เมตร ชาวบ้านจึงจำเป็นต้องนำภาชนะมาขนนำที่สถานีผลิตประปา เพื่อให้มีน้ำใช้ในครัวเรือน บางคนไม่ถังขนาดใหญ่ก็นำภาชนะที่มีมาขนน้ำวันละหลายเที่ยว
นางสุดใจ นาจรูญ อายุ 46 ปี ชาวบ้านบ้านสวนครัว ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ บอกว่า จำเป็นต้องลงทุนซื้อถังขนาด 1,000 ลิตร เพื่อมารองน้ำที่สถานีสูบน้ำไปใช้ในครัวเรือน ถังหนึ่งจะใช้ได้เพียง 1 วัน เพราะใช้หลายคน ทั้งอาบ ซักผ้า ล้างจาน ประกอบอาหาร หากน้ำไม่ไหลจำเป็นจะต้องมาขนน้ำทุกวัน ซึ่งเข้าใจในสถานการณ์ว่าเกิดจากปัญหาภัยแล้ง แหล่งน้ำดิบแห้งขอด แต่อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ เพราะมารอขนน้ำไปใช้แบบนี้ทุกวันก็ลำบาก เพราะต้องมารอคิวเป็นชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย