เพชรบูรณ์ 19 มิ.ย.- ดีเอสไอ ร่วมกับ กอ.รมน. และกรมป่าไม้ บุกเข้าตรวจสอบโรงโม่หินเก่าแก่อายุกว่า 24 ปี ที่บ้านดงขุย ต.ตะกุดไร อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีการลักลอบระเบิดหินในพื้นที่ป่าโป่งนกแก้ว สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน
ดีเอสไอ ภาค 6 พร้อม กอ.รมน., พยัคฆ์ไพร จากกรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บุกเข้าตรวจสอบโรงโม่หินที่บ้านดงขุย-วังขนาน ต.ตะกุดไร อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า โรงโม่ดังกล่าวบุกรุกพื้นที่ป่า ลักลอบระเบิดภูเขาในเขตป่าโป่งนกแก้ว ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในพื้นที่รอบข้าง อย่าง ต.ตะกุดไร และ ต.ท่าข้าม
ตลอด 6 เดือน ดีเอสไอ ภาค 6 ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลตามที่ชาวบ้านร้องเรียน ว่ามีมูลความจริงหรือไม่ ทั้งสอบปากคำชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงโม่ รวมถึงสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตสัมปทานโรงโม่ ทั้งอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กรมป่าไม้ กรมที่ดิน และเรียกผู้บริหารโรงโม่ พร้อมเอกสารประกอบกิจการเข้าชี้แจงต่อดีเอสไอ
บริษัทโรงโม่ดังกล่าวได้รับอนุญาตจากอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ให้ประกอบกิจการโรงงานเหมืองแร่ บนที่ดินเนื้อที่รวม 1,000 ไร่เศษ การขออนุญาตแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นการขออนุญาตประกอบกิจการจัดตั้งโรงงาน และเครื่องจักรกล บนที่ดิน น.ส.3 ก. จำนวน 3 แปลง ส่วนที่ 2 เป็นการขอประทานบัตรระเบิดหินบนภูเขาในเขตป่าอีก 3 แปลง
การเดินสำรวจพื้นที่โรงโม่ ตลอดจนการชี้จุดยืนยันแนวเขตจัดตั้งโรงงานและเครื่องจักรกล ตามใบอนุญาตจัดตั้งโรงงานของอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ พบว่าพิกัดที่ดินบน น.ส.3 ก. เลขที่ 3840 มีการดำเนินการจัดตั้งเป็นโรงงานจริง แต่ น.ส.3 ก. อีก 2 แปลงกลับเป็นที่ดินว่างเปล่า
ส่วนกองหินขนาดใหญ่หลายกองที่ผ่านการโม่แล้ว และเครื่องจักรกล เช่น สายพานลำเลียงหิน และเครื่องโม่ ตั้งอยู่บนที่ดินนอกเขตใบอนุญาต
การตรวจสอบโรงโม่หินครั้งนี้ ดีเอสไอได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน Fixed Wing บินสำรวจทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณโรงโม่ทั้งหมด ก่อนส่งสัญญาณภาพ เชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายรังวัดที่ดินของกรมที่ดินด้วยดาวเทียม หรือโครงข่าย GNSS ซึ่งทำให้แผนที่ที่ออกมามีความสมบูรณ์แบบและแม่นยำในระดับเซนติเมตร สามารถใช้เป็นหลักฐาน นำมาใช้ประกอบการชี้แนวเขตเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. และแนวเขตสัมปานบัตรทั้งหมดของโรงโม่ได้.-สำนักข่าวไทย