รัฐสภา 10 มิ.ย.-รมว.ยุติธรรม ตอบกระทู้กรณี “วันเฉลิม” หายตัวที่กัมพูชา ยืนยันเร่งผลักดันร่างกฎหมายป้องกันคนสูญหายให้เป็นรูปธรรม พร้อมตั้งอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องคนสูญหายทั่วประเทศ โดยมี “พ.ต.ท.กรวัชร์” มือสางคดีบิลลี่ เป็นประธาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณากระทู้สดถามด้วยวาจา โดยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ ต้าร์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยที่หายตัวไปจากที่พักในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในวันที่ 4 มิถุนายน 2563 มีการลักพาตัว เป็นชายชุดดำพกอาวุธปืน 3 คนหน้าคอนโดซึ่งเป็นที่พักอาศัยของนายวันเฉลิม แม้จะเป็นผู้ลี้ภัย แต่นายวันเฉลิม ก็เป็นคนไทย รัฐบาลมีหน้าที่คุ้มครองคนไทย แต่เมื่อมีสื่อมวลชนไปสอบถามกับรัฐบาล ทุกคนกลับตีมึน ไม่กระตือรือร้นที่จะทำหน้าที่ปกป้องชาวไทย
“เปรียบเสมือนลาแก่ที่นอนแน่นิ่ง ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ต้องรอให้เอาแซ่มาฟาด เอาน้ำร้อนมาสาด ให้สังคมกดดัน ถึงจะสะดุ้งลุกขึ้นมาออกมาบอกกับสื่อมวลชนว่าประสานกับทางกัมพูชาแล้ว ฟังถึงตรงนี้ ก็เหมือนว่ารัฐบาลได้ทำหน้าที่แล้ว แต่สิ่งที่นำไปสู่คำถาม คือ ก่อนที่จะมีกรณีของนายวันเฉลิม มีการอุ้มหาย นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่อำนาจ 9 รายด้วยกัน ในจำนวนนี้ 7 ราย ไม่ทราบชะตากรรม ขณะที่ 2 ราย เรามารู้เพราะธรรมชาตินำร่างของเขามาเกยฝั่ง และมีการอำพรางศพ ซึ่งไม่เคยได้ทราบความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เงียบหาย นำมาซึ่งความละอายใจของรัฐบาล” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ตนจึงขอถามรัฐบาลว่า คดีการอุ้มหายในยุคของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทั้ง 9 คดี มีรายละเอียดความคืบหน้าของแต่ละคดีเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเหตุใดไม่รู้ผู้ก่อเหตุว่าคือใคร และชะตากรรมของผู้ถูกอุ้มหายนั้นเป็นอย่างไร และจะมีมาตรการดำเนินการในคดีนายวันเฉลิมอย่างไร เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยคดีที่ผ่านมา ตลอดจนฝ่ายความมั่นคง มองว่านายวันเฉลิม มีสถานะบทบาทเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยอย่างไร เหตุใดจึงมีข้อหาหมิ่นสถาบัน ม.112
จากนั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ตอบกระทู้แทน ว่า กรณีของนายวันเฉลิม มีความเกี่ยวพันกับต่างประเทศ ซึ่งกัมพูชาได้แจ้งมาให้ทราบว่ากระทรวงต่างประเทศและรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยืนยันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะมาตอบเรื่องความสัมพันธ์กับต่างประเทศ แต่กระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่านายวันเฉลิม ไม่เคยขอรับความช่วยเหลือจากส่วนงานของกระทรวงยุติธรรม ดังนั้นเรื่องดังกล่าวจึงต้องเดินหน้าไปตามกลไกกฎหมายและระเบียบที่กระทรวงยุติธรรมได้วางไว้
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า มีส่วนหนึ่งที่ตนคิดว่าน่าสนใจ คือ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการกระทำให้บุคคลสูญหาย เป็นเรื่องที่กระทรวงยุติธรรมให้ความสนใจ และเชื่อว่านายรังสิมันต์ก็ให้ความสนใจในกฎหมายฉบับนี้เช่นกัน หลังจากที่รัฐบาลได้ถวายสัตย์ปฏิญาณและแถลงนโยบาย ซึ่งตนได้รับรองกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่ ครม. แต่ขั้นตอนของการดำเนินการกลับพบอุปสรรคที่ไม่สามารถทำให้กฎหมายดังกล่าวดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว คือ รัฐธรรมนูญมาตรา 77 ที่กำหนดหลักเกณฑ์และการจัดทำร่างกฎหมาย รวมถึงการประเมินผลสัมฤทธิ์ของร่างกฎหมาย ดังนั้นจึงต้องนำร่างกฎหมายกลับมาดำเนินการให้ครบทุกขั้นตอน ซึ่งอาจต้องทำประชาพิจารณ์อีกหลายครั้ง และได้นำร่างกฎหมายกลับเข้าสู่ ครม.อีกครั้งแล้วเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ดังนั้นจะเห็นว่ารัฐบาลมีความตั้งใจจริงที่จะให้กฎหมายดังกล่าวได้ใช้ประโยชน์ และมีเจตนารมณ์ที่จะดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรม
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ความคืบหน้าในคดีต่าง ๆ นั้น นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย จึงได้ออกคำสั่งพิเศษ เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ กรณีถูกกระทำทรมานและทำให้สูญหาย โดยมีตนเป็นประธาน
“ล่าสุด ผมได้ตั้งคณะอนุกรรมการเรียบร้อยแล้ว มีคณะอนุกรรมการคัดกรองและคณะอนุกรรมการติดตามเรื่องราวร้องทุกข์ทั่วประเทศ โดยมี พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ว่าที่อธิบดีดีเอสไอที่ท่านทั้งหลายรู้ในนามผู้ทำคดีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เป็นประธาน ซึ่งถือเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือและตรงไปตรงมา ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ เช่น เราได้รายงานไปยังยูเอ็นในปี 2560 เรามีปริมาณจำนวนคดีผู้สูญหายต่าง ๆ 87 ราย ขณะนี้เราได้ดำเนินการจัดการไปแล้ว เหลือ 75 ราย” นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีผู้สูญหาย 8 รายที่นายรังสิมันต์กล่าวถึงนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการติดตามในคณะอนุติดตามของดีเอสไอ ซึ่งดำเนินการอยู่ หากสมาชิกต้องการทราบรายละเอียด ตนยินดีจะช่วยประสานดูรายละเอียดที่ลึกกว่านี้ที่กระทรวงยุติธรรม
สำหรับกรณีบุคคลถูกอุ้มหายในต่างประเทศ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นกรณีที่ไม่ปกติ เพราะไม่มีใครสามารถทราบข่าวต่อกรณีที่เกิดเหตุ และไม่สามารถดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามบนอำนาจอธิปไตยของประเทศอื่น สิ่งที่ทำได้ คือ ต้องการร้องเรียนประสานงานโดยผ่านกระทรวงการต่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย