รวบหัวหน้าแก๊ง “one raptor” เครือข่ายค้ายารายใหญ่ภาคตะวันออก

กรุงเทพฯ 9 มิ.ย.- ปส.จับกุม พันจ่าอากาศโทสุวัฒน์ พันธุ์แตง หัวหน้าแก็ง“one raptor” เครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ภาคตะวันออก ยึดไอซ์และทรัพย์สินจำนวนมาก มูลค่ารวมกว่า 42 ล้านบาท


พลตำรวจโทวิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด

คดีแรกเป็นผลการปฎิบัติของยุทธการสยบไพรี 63/12 “One raptor” จับกุม พันจ่าอากาศโทสุวัฒน์ พันธุ์แตง และนายวชิระวงศกร โคแสง พร้อมของกลาง ไอซ์ 500 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สินได้มูลค่ากว่า 42 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านพร้อมที่ดิน 2 หลัง คอนโดมิเนียม 1 ห้อง และรถยนต์ 7 คัน ภายหลังชุดจับกุมสามารถสกัดกั้นรถยนต์ต้องสงสัยได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ตรวจค้นพบเฮโรอีนน้ำหนัก 200 กิโลกรัม ก่อนขยายผลเข้าตรวจค้นสถานที่แห่งหนึ่งใน อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พบไอซ์ 500 กิโลกรัม และยาเสพติดอื่นๆ โดยผู้ต้องหาทั้งสองเป็นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยลักลอบนำยาเสพติดจากชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ามาผ่าน จังหวัดหนองคาย เข้ามาซุกซ่อนใน จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อรอส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดสงขลา เพื่อส่งออกไปยังประเทศที่สาม


มีรายงานว่าตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า พันจ่าอากาศโทสุวัฒน์ พันธุ์แตง มีส่วนพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด เป็นหัวหน้าแก๊ง “one raptor” จึงได้รวบรวมหลักฐานจนศาลอนุมัติหมายจับ แต่ปรากฏว่าพันจ่าอากาศโทสุวัฒน์เกิดมีปัญหาขัดผลประโยชน์กับแก๊งค้ายาเสพติดในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่า 200 ล้านบาท จึงถูกอุ้มไปเรียกค่าไถ่เพื่อเคลียร์เรื่องเงินที่มีปัญหากัน ซึ่งมีตำรวจ สภ.แม่สาย ไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยการอุ้มครั้งนี้ แต่ภายหลังพันจ่าอากาศโทสุวัฒน์ได้หนีมาได้ ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจึงเข้าจับกุมในเวลาต่อมา

คดีที่ 2 เป็นผลปฏิบัติยุทธการสยบไพรี 63/13 “BLACK SASHIMI” จับกุมนายจอห์น ชาล์ส อูเม หรือ แฟรงก์ ชาวไนจีเรีย และนายชัชวาล โรจน์แพทย์ อายุ 21 ปี พร้อมพวกคนไทยและต่างชาติรวม 11 คน ในข้อหาร่วมกันมียาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีนไว้ครอบครองเพื่อขายโดยผิดกฎหมายและสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 5,200 เม็ด,ไอซ์ 701 กรัม,ยาอี,เคตามีนและโคเคน รวมถึงใบกระท่อม 

ก่อนหน้านี้ได้รับการประสานจากทางการญี่ปุ่นว่า มีขบวนการลักลอบนำยาเสพติดออกประเทศไทยเพื่อส่งให้กับชาวแอฟริกันในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวแอฟริกันในไทยหลายรายเป็นผู้จัดหายาเสพติด โดยมีพฤติกรรมนำเข้ายาอีจากประเทศฝั่งยุโรปซึ่งมีราคาถูกมาขายให้คนไทยหรือนักเที่ยวในสถานบันเทิง ซึ่งขบวนการนี้ยังได้ส่งออกยาเสพติด โดยล่อลวงหญิงไทยเป็นผู้ลักลอบขนลำเลียงยาเสพติดไปให้เครือข่ายในประเทศญี่ปุ่น ต่อมาชุดสืบสวนทราบว่านายแฟรงค์ เป็นหัวหน้าระดับสั่งการในไทยจึงขยายผลจับกุมเครือข่าย 19 เป้าหมาย 11 หมายจับ ยึดทรัพย์สินรวมค่า 337,000 บาท


คดีที่ 3 จับกุม นายบัณฑิต หรือกุ้ง อุ้ยทอง อายุ 37 ปี และนายเกรียงไกร บ้านแสน อายุ 32 ปี พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง 200 กิโลกรัม,รถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว,รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีเทา ในข้อหาร่วมกันกับพวกที่มีหลบหนีมีกัญชาไว้ครอบครองเพื่อขายโดยผิดกฎหมาย จับกุมได้ริมถนนพหลโยธินขาออก ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อเนื่องด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ภายหลังสืบทราบว่ามีขบวนการลอบลำเลียงยาเสพติด จากชายแดน จังหวัดอุบลราชธานี มาส่งให้กับลูกค้าในจังหวัดชลบุรี ชุดจับกุมจึงวางแผนสกัดขบวนรถก่อนตรวจยึดของกลางกัญชาแท่ง 200 กิโลกรัมที่บรรจุในกระสอบซุกซ่อนในห้องโดยสารรถยนต์ดังกล่าว

และคดีสุดท้ายจับกุม นายชิษณุพงศ์ หรืออ้น ไหลทอง อายุ 49 ปี และนายอิสเรช หรืออ๊อด มีสวย อายุ 50 ปี พร้อมของกลาง ยาบ้า 4 หมื่นเม็ด และรถยนต์กระบะ ในข้อหาร่วมกันมียาบ้าไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จับกุมได้ที่ลานดินริมถนนสายเอเชีย ต.โพกรวม อำเภอเมืองสิงห์บุรี หลังสืบทราบว่า นายชิษณุพงศ์ ซึ่งเป็นเอเย่นต์ยาเสพติดพื้นที่ภาคกลางขับรถขนกล่องกระดาษต้องสงสัยไปวางไว้ริมถนนสายเอเชีย ใกล้ร้านอาหารเมื่อตรวจสอบพบเป็นยาบ้าจำนวนมาก จึงไล่ติดตามจับกุมได้ดังกล่าว ทั้งนี้ นายชิษณุพงศ์ ยังมีหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ในข้อหามีไอซ์ครอบครองและขับขี่โดยเสพไอซ์ติดตัว รวมถึงหมายจับศาลจังหวัดราชบุรีในความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด,พ.ร.บ.จราจร และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล จึงคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดี .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ-นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต 5 ราย ออกจากพื้นที่แล้ว ความคืบหน้าเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (25 ก.ค.) กระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย ค่าย ตชด.224 ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้า ต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือยังไม่แล้วเสร็จ เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนจะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เข้าเก็บร่างผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อ พบผู้เสียชีวิต 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รอง มทภ.2 เยี่ยมปลอบขวัญ ปชช. เชื่อสถานการณ์จบใน 3-7 วัน

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่ปลอบขวัญประชาชนที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ เชื่อว่าสถานการณ์จะจบภายใน 3-7 วัน พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมายังที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนมาลงทะเบียนพักมากที่สุดกว่า 5,000 คน โดยรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าติดปัญหาได้หรือไม่ เช่น เรื่องห้องน้ำอาหาร และที่นอน เป็นต้น จากนั้นได้เดินทักทายจับมือให้กำลังใจกับประชาชนโดยระบุขออย่ากังวลกับทรัพย์สินและบ้านเรือน ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยซ่อมแซม ส่วนคำถามที่ว่าประชาชนจะสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ตามปกติเมื่อไหร่นั้น รองแม่ทัพภาคที่ 2 เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายใน 3-7 วันนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ปราศรัยกับประชาชนถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงรับผู้บาดเจ็บจากเหตุสู้รบในครั้งนี้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ที่เสียหายด้วย.-สำนักข่าวไทย

ทูตไทยจ่อแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค.นี้

นิวยอร์ก 25 ก.ค.-ทูตไทยเตรียมแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค. ส่งหนังสือแจงนานาชาติ ก่อนเตรียมแจงในที่ประชุม ยันกัมพูชาวางทุ่นระเบิดและเปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ของไทยก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ดำเนินการในส่วนของไทยทันที หลังเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา วานนี้ (24 ก.ค.)โดยมีการส่งหนังสือออกไป 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจากไทย ให้กับนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธาน UNSC ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังได้ส่งหนังสือไปถึงนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทุ่นระเบิดที่พบเป็นของที่เพิ่งถูกวางใหม่ และยังมีการเกิดเหตุซ้ำแม้ว่าไทยจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุครั้งแรกแล้วก็ตาม จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนตามข้อกำหนดในอนุสัญญา และขอให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนไทยอีกด้วย ทั้งนี้ UNSC จะจัดให้มีการประชุมฉุกเฉินแบบที่เรียกว่า private meeting ซึ่งเป็นการประชุมปิดที่ใช้เวลาราว […]

องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่ จนท.-ประชาชนได้รับผลกระทบชายแดน

อุบลราชธานี 25 ก.ค.-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้เดินไปยังพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และจุดที่ 2 จังหวัดอุบลราชธานี และขณะนี้องคมนตรีได้เชิญสิ่งของพระราชทานในจุดที่ 1 จ.อุบลราชธานี แก่เจ้าหน้าที่จำนวน 200 ชุด มอบแก่ประชาชน 75 ชุด จากนั้นจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในศูนย์อพยพและจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนบรรยากาศเช้านี้ที่ช่องบ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ที่เป็นจุดปะทะ ชาวบ้านได้อพยพมาอยู่ในหลุมหลบภัย เนื่องจากมีเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่อง ผู้นำชุมชนจึงได้ให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย จากนั้นยังมีรายงานจากรองโฆษกกองทัพบกว่า สถานการณ์ในวันนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า เริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบก และภูมะเขือ จ.อุบลราชธานี รวมถึงในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และจรวด BM-21 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถึง 08.00 น. […]