กรุงเทพฯ 9 มิ.ย.- ปส.จับกุม พันจ่าอากาศโทสุวัฒน์ พันธุ์แตง หัวหน้าแก็ง“one raptor” เครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ภาคตะวันออก ยึดไอซ์และทรัพย์สินจำนวนมาก มูลค่ารวมกว่า 42 ล้านบาท
พลตำรวจโทวิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด
คดีแรกเป็นผลการปฎิบัติของยุทธการสยบไพรี 63/12 “One raptor” จับกุม พันจ่าอากาศโทสุวัฒน์ พันธุ์แตง และนายวชิระวงศกร โคแสง พร้อมของกลาง ไอซ์ 500 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สินได้มูลค่ากว่า 42 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านพร้อมที่ดิน 2 หลัง คอนโดมิเนียม 1 ห้อง และรถยนต์ 7 คัน ภายหลังชุดจับกุมสามารถสกัดกั้นรถยนต์ต้องสงสัยได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ตรวจค้นพบเฮโรอีนน้ำหนัก 200 กิโลกรัม ก่อนขยายผลเข้าตรวจค้นสถานที่แห่งหนึ่งใน อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พบไอซ์ 500 กิโลกรัม และยาเสพติดอื่นๆ โดยผู้ต้องหาทั้งสองเป็นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยลักลอบนำยาเสพติดจากชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ามาผ่าน จังหวัดหนองคาย เข้ามาซุกซ่อนใน จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อรอส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดสงขลา เพื่อส่งออกไปยังประเทศที่สาม
มีรายงานว่าตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า พันจ่าอากาศโทสุวัฒน์ พันธุ์แตง มีส่วนพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด เป็นหัวหน้าแก๊ง “one raptor” จึงได้รวบรวมหลักฐานจนศาลอนุมัติหมายจับ แต่ปรากฏว่าพันจ่าอากาศโทสุวัฒน์เกิดมีปัญหาขัดผลประโยชน์กับแก๊งค้ายาเสพติดในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่า 200 ล้านบาท จึงถูกอุ้มไปเรียกค่าไถ่เพื่อเคลียร์เรื่องเงินที่มีปัญหากัน ซึ่งมีตำรวจ สภ.แม่สาย ไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยการอุ้มครั้งนี้ แต่ภายหลังพันจ่าอากาศโทสุวัฒน์ได้หนีมาได้ ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจึงเข้าจับกุมในเวลาต่อมา
คดีที่ 2 เป็นผลปฏิบัติยุทธการสยบไพรี 63/13 “BLACK SASHIMI” จับกุมนายจอห์น ชาล์ส อูเม หรือ แฟรงก์ ชาวไนจีเรีย และนายชัชวาล โรจน์แพทย์ อายุ 21 ปี พร้อมพวกคนไทยและต่างชาติรวม 11 คน ในข้อหาร่วมกันมียาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีนไว้ครอบครองเพื่อขายโดยผิดกฎหมายและสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 5,200 เม็ด,ไอซ์ 701 กรัม,ยาอี,เคตามีนและโคเคน รวมถึงใบกระท่อม
ก่อนหน้านี้ได้รับการประสานจากทางการญี่ปุ่นว่า มีขบวนการลักลอบนำยาเสพติดออกประเทศไทยเพื่อส่งให้กับชาวแอฟริกันในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวแอฟริกันในไทยหลายรายเป็นผู้จัดหายาเสพติด โดยมีพฤติกรรมนำเข้ายาอีจากประเทศฝั่งยุโรปซึ่งมีราคาถูกมาขายให้คนไทยหรือนักเที่ยวในสถานบันเทิง ซึ่งขบวนการนี้ยังได้ส่งออกยาเสพติด โดยล่อลวงหญิงไทยเป็นผู้ลักลอบขนลำเลียงยาเสพติดไปให้เครือข่ายในประเทศญี่ปุ่น ต่อมาชุดสืบสวนทราบว่านายแฟรงค์ เป็นหัวหน้าระดับสั่งการในไทยจึงขยายผลจับกุมเครือข่าย 19 เป้าหมาย 11 หมายจับ ยึดทรัพย์สินรวมค่า 337,000 บาท
คดีที่ 3 จับกุม นายบัณฑิต หรือกุ้ง อุ้ยทอง อายุ 37 ปี และนายเกรียงไกร บ้านแสน อายุ 32 ปี พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง 200 กิโลกรัม,รถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว,รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีเทา ในข้อหาร่วมกันกับพวกที่มีหลบหนีมีกัญชาไว้ครอบครองเพื่อขายโดยผิดกฎหมาย จับกุมได้ริมถนนพหลโยธินขาออก ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อเนื่องด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ภายหลังสืบทราบว่ามีขบวนการลอบลำเลียงยาเสพติด จากชายแดน จังหวัดอุบลราชธานี มาส่งให้กับลูกค้าในจังหวัดชลบุรี ชุดจับกุมจึงวางแผนสกัดขบวนรถก่อนตรวจยึดของกลางกัญชาแท่ง 200 กิโลกรัมที่บรรจุในกระสอบซุกซ่อนในห้องโดยสารรถยนต์ดังกล่าว
และคดีสุดท้ายจับกุม นายชิษณุพงศ์ หรืออ้น ไหลทอง อายุ 49 ปี และนายอิสเรช หรืออ๊อด มีสวย อายุ 50 ปี พร้อมของกลาง ยาบ้า 4 หมื่นเม็ด และรถยนต์กระบะ ในข้อหาร่วมกันมียาบ้าไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จับกุมได้ที่ลานดินริมถนนสายเอเชีย ต.โพกรวม อำเภอเมืองสิงห์บุรี หลังสืบทราบว่า นายชิษณุพงศ์ ซึ่งเป็นเอเย่นต์ยาเสพติดพื้นที่ภาคกลางขับรถขนกล่องกระดาษต้องสงสัยไปวางไว้ริมถนนสายเอเชีย ใกล้ร้านอาหารเมื่อตรวจสอบพบเป็นยาบ้าจำนวนมาก จึงไล่ติดตามจับกุมได้ดังกล่าว ทั้งนี้ นายชิษณุพงศ์ ยังมีหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ในข้อหามีไอซ์ครอบครองและขับขี่โดยเสพไอซ์ติดตัว รวมถึงหมายจับศาลจังหวัดราชบุรีในความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด,พ.ร.บ.จราจร และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล จึงคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดี .-สำนักข่าวไทย