ป.ป.ส. 29 เม.ย. – จับเครือข่ายไอซ์ข้ามชาติ ไทย-มาเลเซีย รวบผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมไอซ์ 261 กก. ที่สงขลา
นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยนายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., พ.อ.พิรุฬห์สิระ เอี่ยมมาลา ผบ.หน่วย ขกท. นสศ. กองทัพบก, น.อ.วิสูตร งิ้วแหลม รองผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง กองทัพอากาศ และ นาวาเอกนิพัฒน์ เทวาอารักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักการข่าว กรมข่าวทหารเรือ กองทัพเรือ แถลงผลการจับกุมเครือข่ายไอซ์ข้ามชาติ ผู้ต้องหา 2 คน ของกลางไอซ์ 261 กิโลกรัม ที่ จ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ นปส.ขกท.ศปก.ทภ.3, ศอ.ปส.ทอ., ศอ.ปส.ทร. (นสร.กร.),ศอ.ปส.สน.บก.บก.ทท., กรมข่าวทหารเรือ (ขว.ทร.) และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย (Narcotics Crime Investigation Department : NCID) สืบสวนเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีพฤติการณ์จัดหายาเสพติดเข้ามาเก็บพักไว้ในพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อเตรียมลักลอบลำเลียงผ่านสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จ.นราธิวาส) ก่อนจะออกไปยังประเทศที่สามโดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาติดตามพฤติการณ์บุคคลในเครือข่ายดังกล่าวร่วม 1 เดือน พบว่ามีการเช่าบ้านไว้เป็นสถานที่ใช้เก็บพักยาเสพติด เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามพฤติการณ์กระทั่งพบว่าบุคคลในเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดเตรียมนำยาเสพติดมาเก็บพักที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุม พบผู้ต้องหารวมจำนวน 2 ราย พร้อมของกลางไอซ์ จำนวน 261 กิโลกรัม เหตุเกิดบริเวณ ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า ร่วมกันลำเลียงยาเสพติดเตรียมนำไปส่งปลายทางประเทศที่ 3 ซึ่งเคยรับจ้างลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 1 ครั้ง (ยาบ้าระดับล้านเม็ด) โดยนำไปส่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จ.นราธิวาส) โดยได้รับค่าจ้าง จำนวน 120,000 บาท
นายมานะ กล่าวว่า ความสำเร็จของการจับกุมดังกล่าวมาจากการบูรณาการทางการข่าวระหว่างหน่วยงานภายในประเทศ และหน่วยงานระหว่างประเทศ ทั้งนี้ได้มีการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลการสืบสวนร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย (Narcotics Crime Investigation Department : NCID) เพื่อขยายผลเครือข่ายการค้ายาเสพติดพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และอาชญากรรมข้ามชาติ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สามได้อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกันต่อไป.-119-สำนักข่าวไทย
