ก.คมนาคม 8 มิ.ย. – คนร.เห็นชอบแผนฟื้นฟู ขสมก.แล้ว นับ 1 ยกระดับมาตรฐานรถเมล์โดยสาร ลุยเช่ารถ EV 2,511 คัน คิดค่าโดยสารตั๋ววันคนละ 30 บาท มอบ ขสมก.เริ่มกระบวนการเจรจากับ ก.คลัง สางหนี้-ขาดทุนสะสม 127,000 ล้านบาท เล็งชง ครม.อนุมัติต่อเดือนมิถุนายนนี้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร.ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ซึ่งถือเป็นการนับ 1 การยกระดับการให้บริการรถเมล์โดยสารให้มีคุณภาพ โดยกระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบภายในเดือนมิถุนายนนี้
สำหรับสาระสำคัญการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูในส่วนของการแก้ไขปัญหาภาระหนี้และขาดทุนสะสม ของ ขสมก. ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกรอบที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เมื่อปี 2562 ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังจะเข้ามารับภาระหนี้ดังกล่าว รวม 127,786 ล้านบาท ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้จะให้ ขสมก.เริ่มเจรจากับกระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดกรอบในการเริ่มทยอยชำระหนี้ โดยหนี้ ขสมก.มี 2 ส่วน ได้แก่ พันธบัตร ซึ่งมีการออกหลายครั้งตั้งแต่ปี 2550 ถึงปัจจุบัน โดยหนี้เหล่านี้มีอายุครบชำระแตกต่างกันอยู่ที่ 60,5339 ล้านบาท หนี้เงินกู้ 63,440 ล้านบาท โดยย้ำว่าการชำระคืนหนี้จะทยอยครบกำหนดและชำระเป็นรายเดือนไม่ได้มีการจ่ายเป็นเงินก้อนชำระหนี้ครั้งเดียว
ส่วนผลประกอบการ ขสมก.ตั้งแต่ปี 2520 ขาดทุน 2,688 ล้านบาท และตั้งแต่ปี 2541-2563 ขาดทุนสะสมรวมกว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ขสมก.ต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้ภาระหนี้ไม่สะสมพอกพูนมากขึ้นอีกในอนาคต
ขณะที่การจัดหารถนั้น ยืนยันว่าจะใช้แนวทางการจัดเช่ารถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า (EV) จำนวน 2,511 คัน โดยเป็นการจ่ายค่าเช่าตามกิโลเมตร ระยะเวลาการเช่า 7 ปี และเมื่อนำมารวมกับการจัดหารถเมล์ NGV ที่เคยดำเนินการไปแล้ว 489 คัน ทำให้ ขสมก.มีรถเมล์รวม 3,000 คันในการให้บริการ โดยกรอบการดำเนินการจัดเช่ารถเมล์ใหม่มาวิ่งนี้จะเริ่มตั้งแต่การจัดทำทีโออาร์จนเริ่มมีการทยอยรับมอบรถล็อตแรกเดือนมีนาคม 2564 จนครบทั้งหมดภายในเดือนกันยายนปี 2565 นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงประเด็นการลดภาระค่าครองชีพใช้จ่ายในการเดินทางให้แก่ประชาชน โดย ขสมก.จะเก็บค่าโดยสารลักษณะของตั๋ววันแบบเหมา 30 บาท (รถปรับอากาศ) ซึ่งผลศึกษาระบุว่าภาพรวมจะทำให้ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เสียค่าโดยสารต่อวันลดลง ขณะที่วิธีการเดินรถเมล์โดยสารนั้น ก็จะมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางตามที่กรมการขนส่งทางบกทำการศึกษา ซึ่ง ขสมก.ได้รับอนุมัติเส้นทาง 108 เส้นทาง และเป็นเส้นทางวิ่งบริการของเอกชนอีก 54 เส้นทาง
ทั้งนี้ สาระสำคัญอีกประเด็นที่จะพลิกฟื้น ขสมก.ให้กลับมาประกอบการได้อย่างเข้มแข็ง ไม่เป็นภาระกับงบประมาณรัฐอีก ซึ่งตามแผน ขสมก.การันตรีว่าระหว่างปี 2563 -2571 จะขอรับเงินชดเชยจากรัฐอีกไม่เกิน 9,674 ล้านบาท ก่อนที่ผลประกอบการ ขสมก.จะกลับมาเป็นบวกในปี 2572
ส่วนการจัดการเรื่องทรัพยากรบุคคลที่ปัจจุบันมีพนักงาน 13,961 คน ในจำนวนนี้มีพนักงานขับรถกว่า 5,000 คน ขณะที่การจัดเช่ารถเมล์ใหม่จะมีลักษณะเช่ารวมคนขับ แต่ ขสมก.ก็มีแผนที่จะให้เอกชนที่ได้งานโครงการจัดหารถเมล์ EV นำพนักงานใหม่มาขับรถตามสัญญาลักษณะผสมผสานกับพนักงานขับรถ ของ ขสมก.จนกว่าพนักงานจะทยอยเกษียณอายุ เพื่อไม่ให้กระทบสภาพการจ้าง รวมทั้งการจัดทำโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด 5,301 คน ใช้วงเงิน 4,560 ล้านบาท โดยในอนาคตหลังการปรับโครงสร้างองค์กรจะทำให้ ขสมก.มีพนักงานคงเหลือเพียง 8,267 คน
ด้านนายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. ระบุว่าการจัดเช่ารถเมล์ EV จะมีการกำหนดราคากลาง โดยคำนวณราคากลางจากระยะทางที่รถเมล์แต่ละคันจะทำการวิ่งในเส้นทาง แต่ละวันเฉลี่ยอยู่ที่ 240 กิโลเมตร เมื่อคูณกับจำนวนรถที่จัดหา 2,511 คัน จำนวนวันและปีที่วิ่งตามสัญญา ทำให้ได้ราคากลาง ทั้งนี้ เบื้องต้นการจัดเช่ารถเมล์ EV จะมีต้นทุนเช่าเฉลี่ยประมาณปีละ 4,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย