กรุงเทพฯ 6 มิ.ย.-“สมศักดิ์” ปัดตอบปรับ ครม. ชี้เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี ยัน ไม่เคยคิดย้ายกระทรวง ขอเวลาอีก 6 เดือนทำงานให้เห็นเป็นรูปธรรรม มั่นใจคนใน พปชร.ไม่ทะเลาะกันรุนแรง แต่สื่อบางแขนงนำไปขยายความจนกระทบการเมือง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ว่า หากจะถามว่าจบหรือไม่จบ พูดไปก็เหมือนโกหก แต่หากถามว่ามีอะไรรุนแรงหรือไม่ ต้องตอบว่า ไม่มี เพราะพรรคการเมืองจะหยุดทำงานไม่ได้ และจะหยุดเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้ พรรคการเมืองคือกลุ่มของคนที่เข้ามาทำงานทางการรเมืองเพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบริหารจัดการงบประมาณ หรือการใช้กลไกการทำงานของภาครัฐให้ประเทศเดินหน้าแข็งขันกับประเทศอื่นได้
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า แต่หากถามคนภายในพรรคทะเลาะกันหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า ไม่มี เพียงแต่อาจจะเป็นความคิดเห็นที่ออกไปแล้วมีสื่อใหญ่บางแขนงนำไปขยายความ หรือแสดงความเห็นว่าคนใดเหมาะหรือไม่เหมาะกับตำแหน่งใด แล้วนำไปแนะนำกับผู้บริหารสูงสุด ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งมีลักษณะของความชอบและความไม่ชอบส่วนตัวที่ปะปนไปด้วย ต้องบอกว่าสื่อกลุ่มใหญ่ ๆ ก็สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่สื่อนั้น ๆ ชื่นชอบได้
“เรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐไม่รุนแรงถึงขั้นพรรคแตกแน่นอน ผมยืนยัน และเรื่องของคำว่าพรรคแตก มันก็เป็นความรู้สึกของสื่อที่มองว่าถ้าเป็นอย่างนี้จะแตกนะ เพราะบางทีเขาอาจจะรัก เขาหวงบางส่วนที่เขารักของเขาอยู่ ทำให้เหมือนกับว่ามันรุนแรง แต่ถ้าหากว่าเป็นไปตามธรรมชาติ มันคงไม่ใช่ ดังนั้นบทบาทของสื่อมีผลกระทบกับการเมืองมาก ทั้งทางตรงและทางอ้อม ต้องยอมรับว่าขณะนี้ ถ้าสื่อที่ทำเป็นกลุ่มเป็นก้อนจะสามารถเบี่ยงเบนทั้งความจริงและไม่จริงได้ ก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การที่กรรมการบริหารพรรรคลาออก 18 คน ไม่ใช่เพราะคนในพรรคไม่เอากรรมการบริหารพรรคชุดนี้ เพียงแต่ว่ากรรมการบริหารพรรคชุดนี้เปิดทางให้สมาชิกเลือกผู้บริหารใหม่ ถือเป็นความใจกว้าง ซึ่งอาจจะเลือกคนเดิมได้ เพราะคนเดิมก็กลับเข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคได้ แต่ถ้ามองแบบไม่รักชุดเก่าเกินไป ก็จะรู้ว่าคือการเปิดใจกว้าง
“ผมมากลาง ๆ ชี้ให้เห็นว่าการปรับเปลี่ยนของพรรคการเมืองหลังจากการเลือกตั้งนั้น ไม่ควรจะเกิน 1 ปี ทุกพรรคก็ปฏิบัติมาเช่นนี้ เขาจะมีการพูดคุย สังคายนา ถ้าพอใจในกรรมการบริหารพรรคชุดเดิม เขาก็จะเลือกเข้ามาอีก เป็นครรลองของระบอบประชาธิปไตย แต่บางทีความรักของคนบางกลุ่มที่มีต่อกรรมการบริหารพรรคชุดต่าง ๆ เขาก็อาจจะเอามาพูดให้ดูรุนแรง แต่จริง ๆ คนในพรรคไม่มีรุนแรง และผมไม่ได้คิดจะเอาอะไรเลย แต่ผมต้องการให้พรรคเป็นที่ครองใจของประชาชน อาจจะทำไม่ได้ทั้งหมด เช่น คนในกลุ่มมหาเศรษฐี เราอาจจะทำไม่ได้ แต่เราจะทำอย่างไรให้คนชนบทยอมรับได้ เรามีกลไกคือในระดับของพรรค ผมมองแค่นั้นเอง ผมมองด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าจะออกมาในเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ผมว่าเราอย่าพูดเรื่องการเมือง พูดเรื่องอย่างอื่นดีกว่า” นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่พร้อมนั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “ก็ไปถาม พล.อ.ประวิตร ทุกวัน พล.อ.ประวิตร เป็นคนซื่อ ถามท่านไป ท่านก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ตนก็เข้าใจ ท่านไม่มีอะไร ท่านตรงไปตรงมา”
ส่วนที่หลายคนระบุว่า พล.อ.ประวิตร เอาอยู่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คนในพรรคให้ความเคารพและให้ความเชื่อถือในตัว พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นทุนเดิมที่มีอยู่ในขณะนี้ ส่วนหนึ่งก็สนับสนุน พล.อ.ประวิตร แต่ พล.อ.ประวิตร จะรับหรือไม่ ก็อย่างที่เห็นอยู่ บางคนก็เสียดายของเก่า แต่ตนบอกว่าไม่ต้องเสียดาย ไปช่วยกันดูเรื่องของสมาชิกพรรคที่จะลงคะแนนให้ดีกว่า
“ถ้ายิ่งขยายความออกไป ถ้าขยายไปในทางที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง ก็จะดูเหมือนว่าพรรคเรามีปัญหา ซึ่งเป็นเพราะกลุ่มคนที่ไม่เข้าใจแล้วอยู่ตรงกลาง และสื่อออกไปในลักษณะที่อยากให้เป็น ซึ่งผมคิดว่าอย่าพูดกันดีกว่า เรื่องการเมืองตอนนี้ ถ้าพูดไปแล้วเอาไปตีความผิด ๆ ถูก ๆ จะเกิดความเสียหาย” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ อยากเปลี่ยนกระทรวงหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิดอยากเปลี่ยนกระทรวง ตนเป็นนักการเมือง ตนรู้ว่าวันนี้ควรจะทำอะไร เราจะคิดเป็นอื่นไม่ได้ จะทำอะไรให้ประชาชนส่วนใหญ่เป็นสุข ได้ประโยชน์จากการทำงานของเราทั้งทางตรงและทางอ้อม
“ถ้าไปแย่งเพื่อผลประโยชน์ เพื่อคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนั้น คือ คิดผิด ผมว่าไม่ต้องไปสู้รบปรบมือ ไม่ต้องไปวิพากษ์วิจารณ์ดีกว่า ผมไม่มีปัญหา ผมอยู่ตรงนี้ ผมทำงานได้ ถ้าอยากเห็นผมในตำแหน่งอื่น ให้เวลาผมอีก 6 เดือน ผมว่าจะเห็นชัดว่าสิ่งที่ผมเข้ามาทำตรงนี้ ผมไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์ ผมเป็นสายวิทยาศาสตร์ แต่ผมทำได้ ถ้ายุติธรรมกับผม ให้ผมอยู่อย่างน้อย 6 เดือน ผมจะทำอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรม และผมก็มั่นใจว่าผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเห็นอยู่ และจะได้เห็นชัดเจนในกระทรวงยุติธรรม” นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นครรลองประชาธิปไตย หากหยิบเรื่องการปรับเปลี่ยนอย่างเดียว จะทะเลาะกัน มีคนจ้องจะนำเรื่องแค่ประโยคเดียวไปตีความได้ทั้งหมด ประชาชนขาดทุน ตนก็ออกมาร้องขอสมาชิกพรรคว่าจะต้องระมัดระวังเรื่องการสื่อออกไป เพราะเกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิด ทั้งที่ทุกอย่างออกมาดี
“นายกรัฐมนตรีเหนื่อยมากกับการแก้ปัญหาโควิด และนายกรัฐมนตรีก็ชนะเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ย้ำว่านายกรัฐมนตรีเข้าใจ ส.ส.และชาวบ้าน หมวดต่อไป คือ ชาวบ้านในชนบทจะได้รับการดูแลจากรัฐบาล สิ่งที่ผู้ใหญ่เข้าใจทั้งหมดก็เกิดจาก ส.ส.ด้วย ครม.ด้วย ผมอยากเห็นประชาชน หรือคนที่เดือดร้อนอยู่มีความสุขมากขึ้น” นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีรอบนี้ จะทำให้การทำงานก้าวหน้ากว่าเดิมหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่พูดเรื่องปรับ ครม. อย่าถาม ตนขอพูดในแนวของการเมืองว่าเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่ต้องทำให้ดี หาคนให้ดี แต่อำนาจเป็นของนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย