“พิชัย” จี้ปรับ ครม.เศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย.-“พิชัย” แนะเร่งปรับเปลี่ยน ครม.เศรษฐกิจ ชี้ ปรับ ครม.เท่ากับยอมรับความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ แนะต้องไม่เป็นหัวหน้าทีมเองเพราะไม่เก่ง


นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า เป็นเรื่องที่ควรทำมานานแล้ว เพราะล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจมาโดยตลอด และต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ศึกษาบทเรียนในการคัดเลือกบุคลากรเข้ามาบริหารเศรษฐกิจ ควรจะต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ใช่มีแค่ภาพ เก่งแต่การตลาด แต่บริหารไม่เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เก่งเศรษฐกิจตามที่ยอมรับเอง และตามที่ได้แสดงออกมาให้เห็นโดยตลอด ก็ยิ่งจะต้องการคนเก่งมากขึ้น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไม่มีความสามารถที่จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้

นายพิชัย กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม การปรับ ครม.เศรษฐกิจ ควรเร่งปรับโดยด่วน อย่าปล่อยคารารคาซัง เพราะจะเกิดความไม่แน่นอนในแนวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัจจุบันที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาย่ำแย่หนัก นอกจากเศรษฐกิจไทยจะถดถอยมาก และจีดีพีจะติดลบหนักแล้ว รัฐบาลยังขาดดุลบัญชีเดินสะพัดกว่า 3 พันล้านเหรียญ ซึ่งสูงสุดในรอบ 20 ปี และเงินเฟ้อติดลบที่ -3.44% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี หรือเรียกว่าเข้าสู่ภาวะเงินฝืดแล้ว ซึ่งน่าห่วงมาก เพราะเศรษฐกิจที่ทรุดลงหนักแล้วจะฟื้นกลับมาได้ลำบากมาก


“การปรับ ครม.เศรษฐกิจ จะเท่ากับยอมรับอย่างเป็นทางการว่ารัฐบาลล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ ดังนั้นการปรับ ครม.เศรษฐกิจ ควรจะปรับรองนายกฯ ที่เคยคุมเศรษฐกิจออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบกับความล้มเหลว และกระทรวงการคลังที่ไม่ได้ผลงานในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ คิดได้แค่แจกเงินอย่างเดียว แถมแจกเงินยังถูกด่าเพราะล่าช้าและไม่ทั่วถึง ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมากไม่ได้รับ และ รมว.คลังก็ยอมรับความผิดพลาดเอง อีกทั้งการเยียวยายังไม่เรียบร้อย แต่จะคิดแจกเงินเที่ยว แจกเงินช้อปปิ้งกันอีกแล้ว นอกจากนี้ อาจจะรวมไปถึง ครม.เศรษฐกิจคนเดิม ๆ ที่เปลี่ยนกระทรวง เช่น กระทรวงพลังงาน เพราะที่ผ่านมาดำเนินงานอย่างสับสนและควรปรับเปลี่ยนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมด้วย เพราะไม่มีผลงาน” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวอีกว่า ภาวะเศรษฐกิจต่อจากนี้ จะยิ่งสาหัสอย่างมาก ผู้ที่จะมารับผิดชอบทางเศรษฐกิจ ต้องมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง จึงจะฝ่าฟันปัญหาไปได้ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องลาออกจากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและหาทีมบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญทางเศรษฐกิจมาเป็นแทน อีกทั้งจะต้องสามารถแสดงให้ประชาชนได้เห็นแนวทางว่าประเทศไทยจะฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อไปได้อย่างไรหลังวิกฤติไวรัสโควิด-19 ที่ปัจจุบันยังดูมืดมนไม่เห็นทิศทาง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก