สธ.5 มิ.ย.- “นพ.ชาญชัย”รายงานตัวที่กระทรวงสาธารณสุขแล้ว ยืนยันพร้อมชี้แจงความบริสุทธิ์ เงินบริจาคเข้ากองทุนพัฒนา รพ.ขอนแก่น ไม่ใช่ส่วนต่างลดจากเปอร์เซนต์ยา สามารถตรวจสอบได้ เพราะ รพ.ขอนแก่น สามารถต่อรองราคายาถูกสุดในประเทศไทย ได้มากถึง 30 รายการ จึงไม่ใช่ปัญหาการเรียกรับ และเตรียมร้อง ก.พ.รับหนักใจ ตั้งคนสนิท ปลัด สธ.สอบวินัยร้ายแรง
นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาจากจังหวัดขอนแก่น เพื่อรายงานตัวต่อกองบริการการสาธารณสุข ตามคำสั่งของ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ย้ายตนออกจากโรงพยาบาล เพื่อเปิดทางสอบสวนข้อเท็จจริงและวินัยร้ายแรง จากกรณีข้อกล่าวหาฉ้อราษฎร์บังหลวง เรียกรับเงินบริจาคเข้ากองทุนโรงพยาบาลขอนแก่น โดยตนทำตามระเบียบราชการ จากนี้จะปฏิบัติหน้าที่การวางแผนงานบริการในโรงพยาบาล และจะต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำสั่งคืนตำแหน่ง และผลการสอบสวนเสร็จสิ้น
นพ.ชาญชัย ยืนยันว่ามีหลักฐานพร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา ไม่เคยมีการเรียกรับเงินบริจาคจากบริษัทยาและไม่ได้เป็นการบริจาคตามส่วนต่างหรือเปอร์เซนต์ยาที่ลดลง การต่อรองราคายาในโรงพยาบาลทุกอย่างมีหลักฐานชัดเจนและกล้ายืนยันได้ว่าโรงพยาบาลขอนแก่น สามารถต่อรองราคายาได้ถูกที่สุด 30 รายการในประเทศไทย และบางรายการของราคาถูกกว่า 5 เปอร์เซนต์ด้วยซ้ำ การบริจาคเป็นเรื่องของบริษัทยา และความสมัครใจ ส่วนเอกสารที่รายการ การเบิกจ่ายเงินกองทุนพัฒนาโรงพยาบาล ขอนแก่น ที่ปรากฎในเพจชมรมแพทย์ชนบทก็เป็นเอกสารที่ตนนำมาแสดงเอง และเคยชี้แจงไปแล้ว
นพ.ชาญชัย กล่าวว่า กองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่นใช้เพื่อ 3 วัตถุประสงค์หลัก คือ 1.เพื่อพัฒนาอาคาร สถานที่ การก่อสร้างต่างๆ 2.คุรุภัณฑ์ทางการแพทย์ และ 3.เพื่อพัฒนาบุคคลากร เนื่องจาก รพ.ขอนแก่น มีนักเรียนแพทย์ มาเรียนต่อมากถึง 9 สาขา และ มีการจัดการประชุมและเดินทางไปต่างประเทศ 2 ครั้ง ได้แก่ ญี่ปุ่นและไตหว้น ซึ่งในส่วนของไต้หวันตนได้เดินทางไปเพราะไปรับรางวัลที่ รพ.ขอนแก่นได้รับ ยกย่องเป็นศูนย์การแพทย์ ในเอเซียแปซิกฟิก ด้านการศึกษาวิจัยในมนุษย์
นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องระเบียบเงินบริจาคต่างๆ เกิดขึ้นมาจากการได้เป็นส่วน 1 ในกิจกรรมก้าวคนละก้าวของ “ตูน บอดี้สแลม” ที่มีการวิ่งเพื่อ รพ.ขอนแก่น ตอนนั้น นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุขในอดีต ได้หารือกรมบัญชีกลางและปลดล็อกระเบียบเงินบริจาคให้สามารถบริจาคได้ โดยตั้งขึ้นมา มีคณะกรรมการตรวจสอบอย่างชัดเจน ส่วนหลักฐานต่างๆที่จะนำมาแสดงเพื่อหลักล้างข้อกล่าวหา ก็เคยมีการแสดงต่อคณะกรรมการไปแล้วแต่อาจได้ไปไม่ครบ แต่เตรียมขอเข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในสัปดาห์หน้า
นายชาญชัย กล่าวด้วยว่า ยอมรับกังวลต่อเรื่องของพยานหลักฐานต่างๆ หลังจากที่ตนมีการย้ายออกจากพื้นที่และหนักใจประธานคณะกรรมการ สอบสวนวินัยร้ายแรง เป็น นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 11 พร้อมกันนี้เตรียมเดินทางเข้าร้องเรียนต่อ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เพื่อขอความเป็นธรรม
ทั้งนี้ นพ.พิทักษ์พล เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน .-สำนักข่าวไทย
