กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ก.เกษตรฯ จับมือแม็คโคร จำหน่ายสินค้าเกษตรพรีเมี่ยม นำร่อง “เผือกหอม” จ.สระบุรี
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีลงนามความตกลงร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตรและบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ในการรับผลผลิตเผือกหอมจากกลุ่มเกษตรกรของแปลงใหญ่เผือก ตำบลหรเทพ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เพื่อจำหน่ายในห้างแม็คโครในกรุงเทพฯ จากนั้นจะขยายต่อไปยังจังหวัดอื่น
ทั้งนี้ เกษตรกรส่งเผือกหอมเข้าศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าของแม็คโครแล้ว 5,000 กิโลกรัม ตั้งแต่ 28 พฤษภาคม เป็นโครงการตามนโยบายการตลาดนำการผลิต ซึ่งจะให้ความสำคัญต่อการหาตลาดรองรับผลผลิตก่อน จากนั้นผู้รับซื้อและกลุ่มเกษตรกรจะตกลงกันเรื่องปริมาณสินค้าและระยะเวลาที่จะจัดส่ง เพื่อจะนำมาวางแผนการผลิต โดยต้องเป็นสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐานตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน
สำหรับห้างแม็คโครเป็นตลาดค้าส่งสมัยใหม่มีสาขา 134 สาขาทั่วประเทศ โดยจะขยายความร่วมมือรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ ต่อไป โดยกระทรวงเกษตรฯ จะร่วมมือกับผู้รับซื้อรายใหญ่อื่น เพื่อเป็นช่องทางการกระจายสินค้าเกษตร รวมทั้งส่งเสริมการจำหน่ายผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ ซึ่งจะบรรเทาผลกระทบของเกษตรกรที่จำหน่ายผลผลิตได้น้อยลงจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืน
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ พัฒนาการเกษตรโดยส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มทำในเกษตรแปลงใหญ่ จนถึงปัจจุบันมีแปลงใหญ่ 6,877 แปลง เกษตรกรเข้าร่วมกว่า 407,493 ครัวเรือน พื้นที่ 6,585,336 ไร่ สินค้าเกษตรประมาณ 90 รายการ มุ่งเน้นการบริหารจัดการกลุ่มและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้คุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดจากการขับเคลื่อนงานตามนโยบายการตลาดนำการผลิตได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรขับเคลื่อนความร่วมมือในการเชื่อมโยงการทำงานด้านการผลิตและการตลาดกับภาคเอกชนต่าง ๆ ได้วางแผนดำเนินการร่วมกัน ทั้งแผนระยะเร่งด่วน รวมถึงแผนความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง
นายเข้มแข็ง กล่าวต่อว่า แม็คโครเป็นตลาดค้าส่งสมัยใหม่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ภัตตาคาร และโรงแรม มีความต้องการผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพได้มาตรฐานความปลอดภัย โดยแม็คโครรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรทั่วไป แต่ปริมาณความต้องการรับซื้อขยายตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด ทำให้ต้องการรับซื้อผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพสามารถผลิตสินค้าได้ในมาตรฐาน และปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการ และมีคุณภาพตรงความต้องการของกลุ่มลูกค้า ส่วนเกษตรกรมีแหล่งรับซื้อสินค้าที่แน่นอน.-สำนักข่าวไทย